PF คาดกำไรไตรมาส 2/58 สูงผิดปกติแนะซื้อเก็งกำไรราคาพื้นฐาน 1.25 บ.
PF คาดว่ายังเป็นที่รับรู้ในตลาดฯน้อยที่ PF จะประกาศกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/58 สูงเกินคาดหมายเป็น 511 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เป็นขาดทุนสุทธิ 15 ล้านบาท เพราะบันทึกกำไรพิเศษจากการซื้อหุ้น TPROP มีค่านิยมติดลบ 500 ล้านบาท ส่วนกำไรหลักไตรมาส 2/58 เป็น 11 ล้านบาท ดีกว่าเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ -15 ล้านบาท เนื่องจากกำไรบ้านเดี่ยวและโรงแรมญี่ปุ่นสูงขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐานใหม่ลดเป็น 1.25 บาทด้วย P/BV ปี 58 ที่ 0.8 เท่า
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (7ส.ค.) ว่า บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF คาดว่ากำไรสุทธิ ไตรมาส 2/58 สร้าง surprise ในทางบวก เพราะบันทึกกำไรพิเศษเป็นรายได้อื่นๆ จากการซื้อหุ้นบริษัทไทยพร็อพเพอร์ตี้ (TPROP) มีค่านิยมติดลบ 500 ล้านบาท คือซื้อได้ต่ำมูลค่าทางบัญชีของ TPROP ทั้งนี้หลังจากเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ในส่วนหุ้น TPROP และ GRAND ได้สัดส่วนในการถือหุ้นเป็น 89.7% (จากตามเกณฑ์ ดีลจะสำเร็จต้องได้มากกว่า 75%) และ 1.7% ตามลำดับ นั่นคือ มีการถือหุ้นทางอ้อมใน GRAND ที่ 40.6% ตามความคาดหมาย และถือหุ้นทางตรง 1.7%
ส่วนคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 2/58 ฟื้นตัวขึ้นจาก เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน เนื่องจากกำไรบ้านเดี่ยวดีขึ้น ซึ่งรายได้จากการขายบ้านเดี่ยวเพิ่มเล็กน้อย 3% และโรงแรมคิโรโระที่เกาะฮอกไกโดญี่ปุ่นมีขาดทุนสุทธิต่ำลง (น้อยกว่า เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เป็น -40 ล้านบาท) เนื่องจากโรงแรมกลับมาดำเนินการปกติ ขณะที่ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเริ่มทำการหยุดเพื่อปรับปรุงตกแต่ง (Renovate) โรงแรมตั้งแต่ พ.ค.58
อย่างไรก็ตามรายได้จากคอนโดกลับลดลง 40%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการโอนที่ทำได้น้อยลง สาเหตุเพราะอัตราการปฎิเสธสินเชื่อ (rejection rate) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% จากเดิมที่ 10% นอกจากนี้กำไรตามส่วนได้เสียจาก GRAND ประมาณ 1 เดือนใน ไตรมาส 2/58 คาดว่ามีผลขาดทุน 10 ล้านบาท เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 7 ล้านบาท ซึ่งยังมีกำไรจากบริษัทร่วมคือ กรุงเทพบ้านและที่ดินอยู่
แต่กำไรหลัก ไตรมาส 2/58 คาดว่าลดลงมากเทียบไตรมาสก่อนหน้าโดยกำไรหลักฐานไตรมาส1/58 เป็น 98 ล้านบาท และเนื่องจากไม่มีกำไรพิเศษ กำไรสุทธิจึงเท่ากันเป็น 98 ล้านบาท ดังนั้นกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/58 จึงเติบโตก้าวกระโดด 423% แต่กำไรหลัก ไตรมาส 2/58 กลับลดลงถึง 88%เทียบไตรมาสก่อนหน้าซึ่งสาเหตุมาจากธุรกิจโรงแรมใน ไตรมาส 2/58 เป็น Low Season ขณะที่ฐานไตรมาส1/58เป็น High Season กำไรขั้นต้น ไตรมาส 2/58 เป็นเพียง 25 ล้านบาท เทียบกับ เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่สูงเป็น 218 ล้านบาท
PF พยายามปรับปรุงโรงแรมที่ญี่ปุ่น ด้วยการเซ็นสัญญากับโรงแรมที่เป็นเชนมีชื่อเสียงในระดับโลกคือ สตาร์วูดและเอ็นแซดสกี ซึ่งทำธุรกิจสกีชั้นนำจากประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อปรับปรุงรูปแบบห้องพักและบริการสกีให้ดีขึ้นกว่าเดิม บนเกาะฮอกไกโดซึ่งมีชื่อเสียงด้านเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น เราคาดว่าข้อดีคือ แบรนด์ของโรงแรมจะมีภาพพจน์ที่สูงขึ้นด้วย เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ปรับประมาณกำไรหลักปีนี้และปีหน้าลง ในอัตรา 25% และ 23% ตามลำดับ สมมุติฐานที่เปลี่ยนไปคือ กำไรจากธุรกิจคอนโดน้อยลง หลังไตรมาสสองเริ่มส่งสัญญาณยอดปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อสูงขึ้น อีกทั้งกำไรจาก GRAND เราคาดว่าปีแรกที่ซื้อคือ เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ มิ.ย.58 (หรือ 1 เดือนใน ไตรมาส 2/58) จะเป็นขาดทุน 40 ล้านบาทและค่อยกระเตื้องฟื้นตัวกลับมาเป็นกำไร 24 ล้านบาทในปี 59 สาเหตุที่ธุรกิจโรงแรมยังไม่ดีคือ โรงแรมที่ปราณบุรียังไม่ได้รับความนิยม แม้ว่ากิจการโรงแรมที่หัวหินดีขึ้นก็ตาม ทั้งนี้คาดการณ์กำไรหลัก 1H58 ที่ 109 ล้านบาท เป็นสัดส่วนเพียง 25% เทียบกับประมาณการทั้งปี 58 แต่ใน 2H58 คาดว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวดีขึ้น และมีกำไรจากการขายที่ดินเปล่า รวมทั้งมีกำไรการขายสินทรัพย์เข้าสู่ REIT ด้วย
แนะนำเพียง ซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐานใหม่ลดเป็น 1.25 บาท ที่ประเมินด้วย P/BV ปี 58 ที่ 0.8 เท่า (เทียบเท่า P/E ปี 58 ที่ 21.7 เท่า) และปรับประมาณการลงในส่วนกำไรจากธุรกิจคอนโดและปีแรกที่ซื้อ GRAND ยังขาดทุน ซึ่งแต่เดิมเราคาดว่าจะมีกำไร เราเห็นว่าราคาหุ้นขณะนี้ปรับต้วลงต่ำไปมาก เพราะเป็นส่วนลดกว่าพาร์ที่ 1.00 บาทอยู่ 7% และเป็นส่วนลดจากมูลค่าทางบัญชีปี 58 ที่คาดไว้ 1.56 บาท มากถึง 40% ด้านคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้า 23% และ 10% เทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ แต่กำไรหลักต่อหุ้นปี 58 กลับลดลง 4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะมี dilution effect การเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินไปใช้เทนเดอร์ฯหุ้น TPROP ส่วนความเสี่ยงของ PF คือ 1) กำไรจากการดำเนินงานอาจแย่กว่าคาด หากภาวะกำลังซื้อของประเทศอ่อนแอลงอีก และ 2) มีความเสี่ยงทางการเงิน คือ คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) ปลายปี 58 สูงเป็น 2.1 เท่า