BTS เด่นสุดขนส่งทางบก ปันผลแรง 7%แผนประมูลรถไฟฟ้าเดินหน้าดันราคาหุ้น
แผนการประมูลรถไฟฟ้าคาดยังเดินหน้าตามแผนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทั้งราคาหุ้น และผลประกอบการในอนาคตของ BTS โบรกฯเลือกเป็น Top pick กลุ่มขนส่งทางบก รวมทั้ง ยังมี div yield สูง 7%
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ส.ค.) ว่า ภายหลังการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำให้แผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศโดยเฉพาะรถไฟฟ้าน่าจะเดินหน้าต่อตามแผน โดยรถไฟฟ้าที่มีแผนจะเปิดให้บริการในระยะ 3-5 ปีนี้ คาดจะเปิดประมูลทั้งหาผู้เดินรถ (สำหรับเส้นทางที่ประมูลงานโยธาไปแล้ว) และหาผู้รับเหมา (ด้านงานโยธา สำหรับเส้นทางใหม่ๆ) โดยการประมูล จะเกิดขึ้นราวต้นปี 2559 ซึ่งมีอยู่ราว 6-7 เส้นทาง
ฝ่ายวิจัยได้รวมมูลค่าส่วนเพิ่มจากรถไฟฟ้าเส้นใหม่ๆไว้ในประมาณการของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS (4 เส้นทาง) และบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL (2 เส้นทาง) แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 2 เส้นทาง (สายสีเหลืองและส้ม) ที่ยังไม่รวมในประมาณการของทั้งคู่ เพราะมีโอกาสที่จะชนะประมูลใกล้เคียงกัน รวมถึง ยังรอดูความชัดเจนของรูปแบบสัมปทาน แต่สำหรับเส้นทางที่รวมในประมาณการแล้วนั้นความคืบหน้าที่เกิดขึ้น คาดทำให้กำหนดการเปิดให้บริการยังใกล้เคียงประมาณการหรืออาจล่าช้าราว 1 ปี โดยส่วนของ BTS คาดจะอยู่ในช่วงปี 2561-2563 (เขียวเหนือ,เขียวใต้,ชมพู และLRT)
ขณะที่ BMCL จะอยู่ในช่วงปี 2559 (สีม่วง) และ 2561 (น้ำเงินต่อขยาย) และทำให้ช่วงดังกล่าวของทั้ง 2 บริษัทจะเห็นการเติบโตที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรระยะยาวหลังช่วงดังกล่าวนั้น จะแตกต่างกันโดย BTS จะยังมีการเติบโตของกำไรต่อเนื่องราวปีละ 9% บนสมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 5% ต่อปี ขณะที่ กำไรของBMCL จะอยู่ในระดับทรงตัวต่อเนื่อง จนจบสัมปทาน เนื่องจากลักษณะของสัมปทานในเส้นทางหลักปัจจุบันที่แตกต่างกัน กล่าวคือ BTS ลงทุนเองทั้งหมดตอนแรก
ขณะที่ BMCL ลงทุนร่วมกับภาครัฐ (ภาครัฐลงทุนด้านโยธา, BMCL ลงทุนระบบไฟฟ้า+วิศวกรรม+หัวรถจักร) จึงต้องมีภาระในการจ่ายส่วนแบ่งรายได้แก่ภาครัฐ ทั้งแบบแปรผันตามค่าโดยสาร และแบบคงที่ ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะสูงขึ้นในปีหลังๆ
ฝ่ายวิจัยยังเลือก BTS เป็น Top pick แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท โดยความคืบหน้าการประมูลรถไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้น และยังมี Div yield ปีนี้อีก 7% แม้เงินปันผลปี 2559 แม้จะหมดช่วงที่รับประกันการจ่ายขั้นต่ำแล้ว แต่คาดยังสามารถจ่ายได้ในราว 4.3% (0.42 บาท/หุ้น) เพราะเป็นช่วงที่บริษัทต้องเริ่มนำเงินไปลงทุนในรถไฟฟ้าเริ่มจากสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ)