KTC การเติบโตยังไม่สิ้นสุดกูรูแนะ “ซื้อ” เป้า 115 บ./หุ้น

บล.ธนชาต ระบุว่า เชื่อว่าความสามารถในการทำกำไรของ KTC ยังไม่สิ้นสุ โดยมี upside 34% จากราคาเป้าหมาย ซึ่งประเมินภายใต้วิธีคิดลดเงินปันผลที่ 115 บาท แนะนำ "ซื้อ"


บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) แม้บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC จะประสบความสำเร็จในการสร้างฐานกำไรและ ROE ใหม่ ที่สูงขึ้น เชื่อว่าการปลดล็อคความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังไม่สิ้นสุด การฟื้นตัวของกำไรปี 54-56 เป็นเพียงการสะท้อนความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหลังบ้าน (Back-office) ผ่านการยกเลิก outsourcing และปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (Credit Risk) ซึ่งทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลดลง

ขณะที่ KTC ยังคงได้ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนนี้ แต่เชื่อว่าความสามารถในการสร้างรายได้ผ่านการออกโปรโมชั่นที่สร้างสรรค์ต่างๆ และการร่วมมือกับ KTB มากขึ้น ยังสะท้อนให้เห็นได้ไม่เต็มที่ เราคาดว่าบริษัทจะมี EPS เติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปี (ปี 57-60) ที่ 18% และ ROE ยังคงยืนอยู่ในระดับสูงที่ 25% จากปี 58

สำหรับความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหลังบ้านทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น โดยการมี loan loss coverage ที่สูง และ NPL ratio ที่ต่ำได้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน ซึ่งจะช่วยหนุนความสามารถในการผลักดันแบรนด์และตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น การเปิดตัวโปรโมชั่นที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องทำให้ผลิตภัณฑ์ของ KTC เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ KTC ยังได้ปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการร่วมมือกับ KTB มากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดล่าง  KTC ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูงมากขึ้น เราเชื่อว่าปี 58 เป็นปีแรกของแนวโน้มการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดของบริษัท และคาดว่า KTC จะมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 3 ปีที่ 9% vs อุตสาหกรรมที่ 5%

ด้านนโยบายการตั้งสำรองแบบระมัดระวัง และความสำเร็จในการบริหาร NPL ของ KTC ทำให้ coverage ratio เพิ่มขึ้นมากจาก 195% ในปี 55 มาอยู่ที่ 364% ในปี 57 และ 393% ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในบรรดาบริษัทสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer Finance) และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม แม้ KTC จะไม่มีนโยบายโอนกลับตั้งสำรองพิเศษเพื่อเป็นกำไร แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารตั้งสำรองพิเศษเพื่อให้มีกำไรได้อย่างสม่ำเสมอหากจำเป็นในอนาคต  ด้วยเรามองว่า coverage ratio ที่ 300% เป็นระดับที่สูงเกินไป เราจึงได้ประเมินมูลค่าที่ซ่อนไว้ได้ที่ 4.35 บาท/หุ้น หรือ 54% ของกำไรต่อหุ้นปี 58 และ 5% ของราคาหุ้นปัจจุบัน

ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. KTC จึงขายธุรกิจติดตามหนี้ในเดือนพ.ค.15 ซึ่งค่าเสื่อมราคาที่ค้างอยู่และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองพิเศษเป็นสาเหตุให้กำไรไตรมาส 2/58ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด เชื่อว่าการชะลอตัวในไตรมาส 2/58 ไม่ได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มธุรกิจ และยังคงคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 18% และด้วยราคาหุ้นปรับตัวลง 21% จากระดับสูงสุดของปี 58ในเดือนเม.ย. ที่ 111 บาท KTC จึงซื้อขายที่ระดับที่ไม่แพงอีกต่อไปที่ 59 P/BV และ PEG ที่ต่ำลงมาที่ 2.1 เท่า และ 0.5 เท่า KTC ให้ dividend yield ที่ดีที่ 4.4% ในปี 59 และมี upside  34% จากราคาเป้าหมาย ซึ่งประเมินภายใต้วิธีคิดลดเงินปันผลที่ 115 บาท แนะนำ “ซื้อ”

Back to top button