RML กูรูส่องยอดขายมีโอกาสหลุดเป้าจากความเสี่ยงกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว
RML หากใช้สถิติการขาย YTD มาหายอดขายต่อเดือนจะเป็นประมาณ 153 ล้านบาท สำหรับในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้เป็น 4 เดือน ก็จะทำยอดขายได้เพิ่มประมาณ 611 ล้านบาท ดังนั้นสัดส่วนยอดขายขณะนี้จึงเพิ่มเป็น 1,833 ล้านบาทในปีนี้ หรือเป็นสัดส่วน 61% จากเป้า แต่หากนำลูกค้าที่สนใจมารวมในยอดขายด้วย ยอดขายปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,262 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 75% จากเป้า ก็ยังห่างไกล ดังนั้นจึงขึ้นกับความสำเร็จของสองปัจจัยข้างต้นที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้ เราเห็นว่ามีโอกาสที่บริษัทจะหลุดเป้าการขายปีนี้ จากความเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ (21ก.ย.) ว่า บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)หรือ RML เปิดเผยข้อมูลยอดขาย (Presales) ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) คือ ถึง ส.ค.58 รวมเป็น 1,222 ล้านบาท ยอดขาย 3 ลำดับแรกคือ 1) River 350 ล้านบาท 2) 185 ราชดำริ 314 ล้านบาท และ 3) UNIXX พัทยา 297 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่สนใจแต่ยังไม่ได้จองอีก 430 ล้านบาท หากนำไปรวมด้วยยอดขายสะสมจะเพิ่มเป็น 1,652 ล้านบาท ดังนั้นหากเทียบกับเป้าขายปีนี้ที่ 3 พันล้านบาท สัดส่วนที่ทำได้จึงเป็น 40.7% และ 55.1% ตามลำดับ ส่วนปัจจัยกระตุ้นยอดขายในช่วงที่เหลือปีนี้คือ 1) การเปิดขายคอนโดใหม่ที่ อโศก ประมาณ พ.ย.58 และ 2) จัดงาน “Size Matters” 8-18 ต.ค.58 ลดราคาสูงสุด 18%
ผลกระทบ: หากใช้สถิติการขาย YTD มาหายอดขายต่อเดือนจะเป็นประมาณ 153 ล้านบาท สำหรับในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้เป็น 4 เดือน ก็จะทำยอดขายได้เพิ่มประมาณ 611 ล้านบาท ดังนั้นสัดส่วนยอดขายขณะนี้จึงเพิ่มเป็น 1,833 ล้านบาทในปีนี้ หรือเป็นสัดส่วน 61% จากเป้า แต่หากนำลูกค้าที่สนใจมารวมในยอดขายด้วย ยอดขายปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,262 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 75% จากเป้า ก็ยังห่างไกล ดังนั้นจึงขึ้นกับความสำเร็จของสองปัจจัยข้างต้นที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้ เราเห็นว่ามีโอกาสที่บริษัทจะหลุดเป้าการขายปีนี้ จากความเสี่ยงเรื่องกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง
คำแนะนำ: เพียงถือราคาพื้นฐานล่าสุดเป็น 1.30 บาท ประเมินด้วย P/BV ปี 58 ที่ 1 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 14% ถือว่าห่างมากขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก แต่คาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง 9% และปีหน้าลดลงถึง 38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะขาดรายได้ที่จะมารับรู้ สืบเนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ขาดการเปิดโครงการใหม่มาชดเชยโครงการปัจจุบันขณะที่ระยะนี้ไม่มีปัจจัยบวกใดๆ มากระตุ้นราคาหุ้น ส่วนที่ยังแนะให้ถือ เพราะมีข้อดีคือ P/E ปี 58 อยู่ในเกณฑ์ต่ำเป็น 3.7 เท่า ส่วนปี 59 จะขยับเพิ่มเป็น 6.0 เท่า อันเป็นผลมาจากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นที่ต่ำลงนั่นเอง