โบรกฯฟันตลาดยานยนต์ครึ่งปีหลังฟื้นยก IRC เบอร์หนึ่ง แนวโน้มเติบโตดีสุด

โบรกฯมองยอดผลิตรถ ส.ค. เติบโตดี ได้ตลาดส่งออกหนุน ให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์ “เท่าตลาด” คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ยังคงเลือก IRC เป็น Top pick ของกลุ่ม


บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ย.) ว่า สภาอุตสาหกรรมรายงานตัวเลขยอดผลิตรถยนต์เดือน ส.ค. 159,470 คัน ปรับเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน หลักๆ มาจากการเพิ่มการผลิตของตลาดรถกระบะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาค่ายรถมีการเปลี่ยนโมเดลใหม่ และได้ผลบวกจากตลาดส่งออกรถยนต์ที่เติบโตดี 14% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 101,982 คัน จากการส่งออกรถกระบะและรถอีโคคาร์

ส่วนยอดขายรถในประเทศยังคงติดลบต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกันตั้งแต่สิ้นสุดมาตรการรถคันแรก โดยปรับลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ 61,988 คัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำ ทำให้อำนาจซื้อผู้บริโภคลดลง และภาคสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น สำหรับยอดผลิตรถยนต์สะสม 8 เดือนแรกอยู่ที่ 1.26 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

 

แนวโน้มการผลิตรถยนต์ในครึ่งปีหลังของปี 58 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก จากการผลิตโมเดลใหม่ของค่ายรถยนต์ที่เริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ประเด็นโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ที่เริ่มใช้ปีหน้ามีผลทำให้ราคารถแพงขึ้นเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นในระยะสั้นช่วงปลายปี โดยบริษัทประมาณการยอดผลิตรถยนต์ของอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังของปี 58 ที่ 1.05 ล้านคันเพิ่มขึ้น 14% จากครึ่งปีแรก

ภาพรวมทั้งปีทางสภาอุตสาหกรรมมีการปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปีนี้จากเดิมที่ 2 ล้านคัน เหลือ 1.95 ล้านคัน (เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน) ลงมาเท่ากับประมาณการ โดยคาดยอดขายในประเทศปีปรับลดลง 15% จากปีก่อน เหลือ 7.5 แสนคัน และคาดยอดส่งออกปีนี้ที่ 1.2 ล้านคัน เติบโต 7% จากปีก่อน โดยคาดกลุ่มยานยนต์ที่ศึกษา 5 บริษัท (AH, IHL, IRC, SAT และ STANLY) มีก่าไรสุทธิลดลง 2% จากปีก่อน อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท

 

ทั้งนี้ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์ “เท่ากับตลาด” โดยมองว่าผลประกอบการหุ้นกลุ่มยานยนต์ได้ผ่านจุดต่่าสุด ไปแล้วและจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของปี 58 โดยยังคงเลือกบริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC (มูลค่าพื้นฐาน 23 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากมีผลประกอบการที่เติบโตดีกว่ากลุ่ม

คาดก่าไรสุทธิเติบโตราว 22% จากปีก่อน โดยประสิทธิภาพในการท่าก่าไรที่ดีขึ้น จากต้นทุนยางซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก คาดราคาปรับลดลงเฉลี่ย 16% จากปีก่อน ตามภาวะราคายางในตลาดซึ่งมีอุปทานส่วนเกินอยู่ ส่าหรับราคาหุ้นปัจจุบัน IRC ซื้อขายที่ P/E เพียง 9.1 เท่า ซึ่งถือว่ายังถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 12 เท่า นอกจากนี้คาด IRC ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4.4% จากราคาปัจจุบัน

Back to top button