LALIN สะท้อนกำไรปีนี้ไม่สดใสไปแล้วแนะถือมองเป็นหุ้นปันผลสูง-หนี้เงินกู้ต่ำ

LALIN คงคำแนะนำ ถือราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 3.67 บาท ด้วย P/E ปี 58 ที่ 8 เท่า คาดว่าหุ้นลงสะท้อนกำไรปีนี้ที่ไม่สดใสไปพอควรแล้ว ส่วนข้อดีคือ ปันผลสูง หนี้เงินกู้ต่ำ มีอัตรากำไรสุทธิที่สูง และบริหารงานอย่างอนุรักษ์นิยม


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) ว่า บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN คาดว่าปีนี้มีโอกาสหลุดเป้ารายได้ที่ 2,650 ล้านบาท เนื่องจากใน ครึ่งปีแรก 2558 รายได้จากการโอนเป็นเพียง 798 ล้านบาท คิดเป็น 30% จากเป้ารายได้ และต่ำกว่าเทียบกับปี 57 ที่ครึ่งปีแรกทำได้ถึง 56% ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 600-700 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่สามารถรับรู้รายได้ในปีนี้

อีกทั้งการเปิดขายโครงการใหม่ส่วนใหญ่ปีนี้ก็เจาะตลาดศรีราชา จังหวัดชลบุรี อันเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง แต่ก็ซบเซาลงตามภาวะการลงทุนของไทยเอง และต่างประเทศ อันเป็นผลต่อเนื่องการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลกมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า

กำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2558 ปรับลงอย่างมาก โดยมีกำไรสุทธิเพียง 112 ล้านบาท ลดลง 57% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายลดลง 39% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 798 ล้านบาท สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 21% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 13.6% เนื่องจากฐานรายได้ที่น้อย แม้ว่าจำนวนเงินประหยัดได้ 7% ก็ตาม ส่วนข้อดีคือ อัตรากำไรขั้นต้น ครึ่งปีแรก 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 39% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 38.5% รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายต่ำลง 55% เป็น 7 ล้านบาท ดังนั้นอัตรากำไรสุทธิ ครึ่งปีแรก 2558 เป็น 14% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่  19.9%

 ปันผลระหว่างกาลรอบครึ่งปี 58 เป็น 0.09 บาท น้อยกว่า เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จ่าย 0.135 บาท บริษัทพยายามรักษาการจ่ายปันผลที่สูงไว้ แม้กำไรในรอบครึ่งแรกของปีได้ลดต่ำลง อัตราการจ่ายปันผล (payout ratio) สูงไปถึง 64% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 42%

มีการปรับคาดการณ์กำไรปีนี้และปีหน้าลง  ในอัตรา 13% และ 14% ตามลำดับ  รายการที่ปรับลงมากคือ รายได้จากการขายที่ลดลง 14% เป็น 2,142 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าปีนี้อยู่ 19% ส่วนปี 58 ปรับลง 14% เป็น 2,249 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปีนี้ลดลง 13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนปี 59 ฟื้นตัวขึ้น 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่มีข้อดีคือกำไรรอบครึ่งปีแรกและครึ่งหลังปีนี้เป็น 30%:70% นั่นคือ ผลการดำเนินงานจะไปฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ

ปีนี้วางแผนเปิดขายโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่าขายรวม 4 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกเปิดขายแล้ว 5 โครงการ มูลค่าขายรวม 2.9 พันล้านบาท ส่วนเดือน ก.ย.และต.ค.58 นี้จะเปิดขายอีก 2 โครงการ มูลค่าขายรวม 1.2 พันล้านบาท เราสังเกตว่าโครงการใหม่ที่เปิดขายครึ่งแรกปีนี้มีถึง 4 โครงการที่เปิดขายทำเลศรีราชา จังหวัดชลบุรี และ1 ทำเลในกรุงเทพฯคือ ดอนเมือง แจ้งวัฒนะ โดยโครงการที่ศรีราชามีการขยายกลุ่มลูกค้าเป็นบ้านชั้นเดียวด้วย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม

อัตราการปฏิเสธสินเชื่อในปัจจุบันได้มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มาอยู่ที่ 25-30% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 18% ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัว และสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนในประเทศยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ด้านงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่บริษัทตั้งไว้ 600-700 ล้านบาท บริษัทได้ใช้ไปแล้ว 50% ของงบที่ตั้งไว้

คงคำแนะนำ ถือ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 3.67 บาท ตามการปรับประมาณการ และประเมิน ด้วย P/E ปี 58 ที่ 8 เท่า คาดว่าหุ้นลงสะท้อนกำไรปีนี้ที่ไม่สดใสไปพอควรแล้ว ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ลดลงถึง 16% ส่วนข้อดีคือ ปันผลได้สูง คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้และปีนหน้าเป็น 6.4% และ 6.7% ตามลำดับ หนี้เงินกู้ต่ำ คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนปลายปีนี้เป็นเพียง 0.5 เท่า มีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่อยู่ในระดับสูง คาดว่าปี 58 เป็น 17.7%  และบริษัทบริหารงานอย่างอนุรักษ์นิยม

Back to top button