STEC กระทบจำกัดจากงานอาคารรัฐสภาโบรกฯแนะซื้อราคาเป้าหมาย 30.00 บาท
STEC จะเป็นรายแรกๆที่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่จากภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นของการที่จะเริ่มเปิดประมูล อีกทั้ง STEC ก็เน้นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่คาดว่าบริษัทจะได้งานส่วนนี้ประมาณไตรมาส 4/59 คาดจะได้งานในสัดส่วน 25% ของงานทั้งหมดที่ 20 พันล้านบาท เราเห็นว่าการที่ตลาดฯอาจจะตระหนกกับข่าวอาคารรัฐสภา เป็นจังหวะการซื้อหุ้นเพื่อลงทุนที่ดี ด้านราคาพื้นฐานกำหนดไว้ที่ 30.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 29 เท่า (+2SD จากค่าเฉลี่ย) ดูเหมือนจะสูง แต่ในปี 56 ที่มีงานเมกะโปรเจ็กต์ออกมา 2 แสนล้านบาท ราคาหุ้น STEC ซื้อขายที่ P/E สูงเป็น 33 เท่า เราคิดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ต.ค.) ว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ปัจจุบันงานอาคารรัฐสภาแห่งใหม่มีความคืบหน้าการก่อสร้างอยู่ที่เพียง 17% สืบเนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ได้ล่าช้าซึ่งต้องมีการย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะไปที่ใหม่ ดังนั้นกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่จะถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาส 4/60 เทียบกับกำหนดการเดิม พ.ย.58
อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอาจจะไปแล้วเสร็จปี 61 หากใช้สมมุติฐานว่าก่อสร้างได้คืบหน้าปีละ 30% ซึ่งถือว่าเป็น best scenario ที่ผ่านมาในไตรมาส 2/58 บริษัทได้บันทึกค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองจากโครงการนี้ไปแล้ว 437 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่ามากเพียงพอที่จะครอบคลุมโอกาสที่จะเกิดขาดทุนจากโครงการนี้แล้ว ทั้งนี้จากการสอบถาม STEC ก็เป็นไปเช่นนี้ ส่วนที่ตามข่าวระบุว่าต้องตั้งถึง 1พันล้านบาท ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง สำหรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นอาคารสูง 11 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 424 k ตารางเมตร
จากนี้ไปอัตรากำไรขั้นต้นของงานอาคารรัฐสภาเป็น 0% และเป็นแรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นรวมของ STEC โดยเรามีสมมุติฐานว่าปี 58 เป็น 9.3% เทียบกับเดิมที่ 9.4% และปี 59 เป็น 9.6% จากเดิมที่ 9.8% อย่างไรก็ตามไตรมาส 2/58 ที่ผ่านมาแม้ว่ามีการตั้งสำรองผลขาดทุนจากโครงการรัฐสภา 437 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/58 ก็ยังแข็งแกร่งเป็น 9.5%
คงคำแนะนำ ซื้อ เราเชื่อว่า STEC จะเป็นรายแรกๆที่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่จากภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นของการที่จะเริ่มเปิดประมูล อีกทั้ง STEC ก็เน้นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่คาดว่าบริษัทจะได้งานส่วนนี้ประมาณไตรมาส 4/59
คาดว่า STEC จะได้งานในสัดส่วน 25% ของงานทั้งหมดที่ 20 พันล้านบาท เราเห็นว่าการที่ตลาดฯอาจจะตระหนกกับข่าวอาคารรัฐสภา เป็นจังหวะการซื้อหุ้นเพื่อลงทุนที่ดี ด้านราคาพื้นฐานกำหนดไว้ที่ 30.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 29 เท่า (+2SD จากค่าเฉลี่ย) ดูเหมือนจะสูง แต่ในปี 56 ที่มีงานเมกะโปรเจ็กต์ออกมา 2 แสนล้านบาท ราคาหุ้น STEC ซื้อขายที่ P/E สูงเป็น 33 เท่า เราคิดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม