โบรกฯหั่นเป้า DRT เหลือเสน่ห์แค่ปันผลครึ่งหลังปี 58 ไม่สดใส ประเมินกำไรลดลง
DRT แนวโน้ม Q3/58 อ่อนแอกว่าคาด Q4/58 ยังเหนื่อย โบรกฯปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง พร้อมหั่นราคาเป้าเหลือ 5 บาท แนะแค่ถือรับปันผลสูง 6%
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ต.ค.) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 ของบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ที่ 63 ล้านบาท ลดลง 42% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน นับว่ายังอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าที่เคยคาดไว้ เนื่องจากคาดว่ารายได้ในไตรมาสดังกล่าวจะปรับตัวลดลงถึง 16% จากไตรมาสก่อน และ 5% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็นผลจากยอดขายในประเทศที่ปรับตัวลดลง จากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นในตลาด โดยผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบายังมีผลขาดทุนต่อเนื่อง
ด้านยอดขายในต่างประเทศยังสามารถการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่ม เช่น ประเทศอินเดีย และประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น แต่ยอดขายต่างประเทศยังคิดเป็นสัดส่วนไม่มากเพียง 16%-18% จึงยังไม่สามารถทำให้รายได้รวมปรับตัวขึ้นได้ ในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/58 คาดว่าจะอยู่ที่ 25.5% ลดลงจากไตรมาส 2/58 ที่ 27.2% ตามทิศทางยอดขายที่ลดลง แต่ดีขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่อยู่ที่ 22% เนื่องจาก DRT มีการปรับ Product mix เพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรกำไรขั้นต้นที่สูงกว่ามากขึ้น ด้านค่าใช้จ่าย SG&A (ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) คาดยังทรงตัวลดลง 4% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน สำหรับรวมงวด 9 เดือนแรกของปี 2558 คาดว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 268 ล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 จะต่ำสุดของปีตามปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะยังคงมีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมาก เนื่องจากฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน ทั้งนี้ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3-4/58 ที่มีทิศทางแย่กว่าที่เคยคาดไว้เดิม จึงปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ลงจากเดิม 8% เป็น 323 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้น 11.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยได้การปรับลดคาดการณ์รายได้ในปี 2558 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 4% จากปีก่อน เป็นลดลง 0.5% สำหรับปี 2559 DRT ตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีก่อน ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง ขณะที่คาดการณ์กำไรปี 2559 เติบโตขึ้น 6% เป็น 343 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2559 ที่ 5 บาท จากเดิมที่ 5.60 บาท โดยปรับการประเมินราคาเป้าหมายด้วย PER จากเดิม 17 เท่า ลงเหลือ 15 เท่า ตามทิศทางกำไรที่อ่อนตัวกว่าคาด และปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังน่าสนใจราว 6% ต่อปี