AMATA โบรกชู Top Pick กลุ่มนิคมอุตฯ มองกำไรปี 65-66 โตแรงเฉลี่ย 57%
AMATA โบรกชู Top Pick กลุ่มนิคมอุตฯ มองกำไรปี 65-66 โตแรงเฉลี่ย 57% รับเปิดนิคมฯในเวียดนามหนุนธุรกิจในอนาคต แนะซื้อเป้า 25 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (1 มี.ค.2565) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA มีมุมมอง Slightly Negative แม้กำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 741 ลบ. เพิ่มขึ้นโต 87% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ โต 224% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะมีกำไรพิเศษจากการขาย RBF ของ AMATAV
อย่างไรก็ตามกำไรปกติไตรมาส 4/2564 ที่ 326 ลบ. แย่กว่าเราและตลาด เพราะ minorities interest และ tax สูงกว่าคาด โดยกำไรปกติลดลง 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะการลดลงของธุรกิจโรงไฟฟ้า จากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรปกติเพิ่มขึ้น โต 174% เทียบช่วงเดียวกัน และเทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะโอนที่ดินอยู่ที่ 499 ไร่ สูงกว่าช่วงไตรมาส3/2564 ที่ 20 ไร่
สำหรับยอด Pre-salesไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 304 ไร่ แบ่งเป็นไทย 304 ไร่ และเวียดนาม 0 ไร่ ภาพรวมมองสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ดีขึ้น มองว่าโอกาสที่นักลงทุนเดินทางมาเยี่ยมชมพื้นที่มีมากขึ้น ทำยอด Pre-sales และ Transfer มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ความสำเร็จในการเปิดนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนามต่อยอดการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ผลักดันให้คาดกำไรปกติปี 2565-2566 เติบโตเฉลี่ย +57% ต่อปี
นอกจากนั้นมีแนวโน้มรับรู้กำไรพิเศษจากการขาย RBF ต่อเนื่อง โดยทาง AMATAV มีแผนขาย RBF อีก 23 โรง ซึ่งยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ดังนั้นคงคำแนะนำซื้อสำหรับ AMATA ที่ราคาเป้าหมาย 25 บาท และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม