BBIK โบรกแนะซื้ออัพกำไรปี 65-66 โตเฉลี่ย 45% พ่วงปรับเป้าใหม่ 145 บ. จับตากำไร Q3 นิวไฮ
BBIK โบรกแนะซื้ออัพกำไรปี 65-66 โตเฉลี่ย 45% พ่วงปรับราคาเป้าใหม่ 145 บาท จับตากำไรไตรมาส 3/65 นิวไฮ แตะ 37 ล้าน โตทะลัก 139% รับธุรกิจที่ปรึกษาด้าน digital transformation โตสดใส
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8พ.ย.65) ว่า บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ปรับกำไรปี 2565-2566 ดีขึ้นเป็นเติบโตเฉลี่ย 45% CAGR จากเดิมที่ 38% โดยประเมินกำไรไตรมาส 3/2565 จะดีต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 37 ล้านบาท โต 139% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 15% เทียบไตรมาสก่อนหน้า
เนื่องจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 174 ล้านบาท โต 145% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 32% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตาม backlog ที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีการรับรู้รายได้จากงาน secondment เพิ่มมากขึ้น โดยการส่งพนักงาน BBIK ไปปฏิบัติงานที่ ORBIT และส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 7 ล้านบาท โต 606% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 120% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก ORBIT สามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น
โดยปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 4% เป็น 130 ล้านบาท โต 96% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 ขึ้น 13% เป็น 212 ล้านบาท โต 63% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยกำไร 9 เดือนแรกปี 2565 จะคิดเป็น 75% จากทั้งปี
ส่วนกำไรไตรมาส 4/2565 จะยังเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดดเด่น จาก backlog ที่ยังสูง และส่วนแบ่งกำไรจาก ORBIT จะปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งปรับกำไรปี 2565-2566 ขึ้นเป็นเติบโต 45% CAGR จากโอกาสที่จะรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นภายใน 1-2 ปี ข้างหน้า ได้แก่ งาน cyber securities, digital platform and blockchainsolutions และการขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น
ด้านราคาหุ้น outperform SET โต 9% และ โต 59% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากแนวโน้มกำไรที่ยังคงเติบโตสูงได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” จากธุรกิจที่ปรึกษาด้าน digital transformation ยังคงเติบโตสดใส
นอกจากนั้นกำไรในปี 2566-2568 ยังมีโอกาส upside ได้อีก หากดีล M&A ใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ด้าน valuation ปัจจุบันเทรด 2023E PER ที่ 58 เท่า ซึ่งมองว่าสมควรเทรดในระดับพรีเมี่ยมจากกำไรที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่ง BBIK ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตโดยหากเทียบ PEG ปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย peers ที่ 1.5 เท่า