เปิดหุ้น “อาหาร-เครื่องดื่ม” ได้เสีย WHO จ่อขึ้นบัญชี “แอสปาแตม” เป็นสารก่อมะเร็ง
เปิดหุ้น “อาหาร-เครื่องดื่ม” ได้เสีย WHO จ่อขึ้นบัญชีร “แอสปาแตม” เป็นสารก่อมะเร็งภายในก.ค.นี้ ฟาก “บล.ดาโอ” ชี้รับผลกระทบจำกัด พร้อมชู SUN-PLUS หุ้น Top pick
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(3 ก.ค.66) ว่า สำนักข่าวรอยสเตอร์ รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าว 2 รายว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมประกาศให้แอสปาแตม ซึ่งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลว่าเป็นสารก่อมะเร็ง โดยคาดว่าจะขึ้นทะเบียนว่าเป็นสารก่อมะเร็งภายในก.ค.นี้
สำหรับแอสปาแตม (Aspartame) เป็น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น น้ำตาลเทียม เครื่องดื่มอัดลม หมากฝรั่งไร้น้ำตาล แอสปาแตมมีรสหวานคล้ายน้ำตาล แต่มีความหวานประมาณ 180-200 เท่าของน้ำตาล และเป็นรสหวานที่ติดลิ้นนานกว่ารสหวานที่ได้จากน้ำตาล
โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข้างต้น โดยมองว่าหุ้นหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD & BEVERAGE (OVERWEIGHT) กระทบจำกัด เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มส่วนใหญ่เปลี่ยนจากการใช้แอสปาแตม มาใช้สารให้ความหวาน ซูคราโลส และอะซีซัลเฟม-เค โดยได้สอบถามไปยังบริษัทกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
ทั้งนี้บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แนะนำถือราคาเป้าหมาย 68.50 บาท, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 32.00 บาท, PLUS (แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 10.00 บาท), ICHI (NR), HTC (NR) ไม่ได้ใช้สารแอสปาแตม
ด้านบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยบริษัทได้เลิกใช้สารแอสปาแตมในกลุ่มเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล ตั้งแต่ปี 2560 โดยใช้สารให้ความหวาน ซูคราโลส และอะซีซัลเฟม-เค แทน
สำหรับกลุ่มที่มีการใช้แอสปาแตมในบางผลิตภัณฑ์ ได้แก่ SAPPE, SNNP (แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
โดยบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP แนะนำซื้อราคาเป้า 30.00 บาท โดยบริษัทฯได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันบริษัทมีการใช้ แอสปาแตมอยู่ใน 2 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบนโตะบาง SKU และผลิตภัณฑ์กลุ่มบิสกิตบาง SKU ซึ่งน้อยมาก ทั้งนี้บริษัทได้มีการพัฒนาสูตรทดแทนอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนวัตถุดิบ บริษัทสามารถดำเนินการได้ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทุก process ภายในเวลา 3 เดือน
อย่างไรก็ตามสินค้าที่ผลิตมีสัดส่วนของต้นทุนต่ำกว่า 1 %ของต้นทุนการผลิตของสินค้านั้นๆ ในขณะเดียวกันทางบริษัท มีการพัฒนาสูตรที่ไม่ได้ใช้สารแอสปาแตมอยู่แล้วซึ่งไม่ได้ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นแต่อย่างใด สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมเยลลี่ (Jele) และเครื่องดื่ม ไม่มีการใช้แอสปาแตม อีกทั้งสินค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปจัดจำหน่ายใน ยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีการใช้แอสปาแตม
ด้านบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE (NR): มีการใช้แอสปาแตมในกาแฟลดน้ำหนัก “Pure” โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนรายได้น้อยเพียง 5% ของรายได้รวม และบริษัทฯอยู่ระหว่างปรับสูตรแล้ว โดยเตรียมใช้ Ingredient จาก Partner รายใหม่ที่มาเลเซีย
สำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงให้น้ำหนัก “มากกว่าตลาด” โดยเลือก บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN, บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เป็น Top pick โดย SUN แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท อิง 2023E PER 18.0x, PLUS แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท อิง 2023E PER 27.0x