SAWADมองบวกซื้อหนี้แบงก์ไทยพาณิชย์แนะนำซื้อมีส่วนเพิ่มจากเป้าหมาย 60 บาท
SAWAD โบรกฯมองบวกซื้อหนี้แบงก์ไทยพาณิชย์จะมีผลต่อราคาเป้าหมายเพิ่มราว 1.5 - 2 บาท จากราคาเป้าหมาย 60 บาท จึงยังคงคำแนะนำ BUY โดยเราชอบ SAWAD จาก i) การมี net work ที่แข็งแกร่ง และยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง ผลักดันให้สินเชื่อเติบโตโดดเด่น ii) เร่งสร้างรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจใหม่คือรับติดตามหนี้และบริหาร NPL iii) คาดจะสามารถรักษาความได้เปรียบในด้าน NIM ที่สูงโดดเด่น และแนวโน้มของ Cost to income ratio ที่เริ่มลดลงหลังจากผ่านช่วงขยายสาขาเชิงรุก
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ธ.ค.) ว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD มีมุมมองเชิงบวกต่อการซื้อ NPL แบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) มาบริหาร มูลค่าหน้าตั๋ว (face value) ราว 1,600 ล้านบาท จากที่เคยซื้อไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี 58 ที่ราคาหน้าตั๋วราว 700 ล้านบาท ซึ่ง SAWAD ซื้อมาในราคาราว 200 ล้านบาท
สำหรับการซื้อในครั้งนี้ SAWAD ยังไม่ได้เปิดเผยราคาต้นทุนที่ซื้อมา แต่เราคาดจะอยู่ราว 30 – 50% ของมูลค่าหน้าตั๋ว หรือเท่ากับ 480 – 800 ล้านบาท โดยคาดบริษัทจะสามารถสร้างกำไรจากการบริหารหนี้ก้อนนี้ได้ราว 30% และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/59 ใช้เวลาประมาณ 3 ปีในการปิดกองหนี้นี้
และสำหรับ NPL อีกก้อนหนึ่งมูลค่าหน้าตั๋วราว 800 – 900 ล้านบาทนั้น จากการสอบถามบริษัทเบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างเจรซื้อซื้อหนี้ แต่มีแนวโน้มที่จะซื้อได้สูง คาดจะสามารถปิดการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้ และบริษัทตั้งเป้าหมายผลตอบแทนและการรับรู้รายได้เช่นเดียวกับหนี้ก้อนแรกและก้อนที่สองที่ซื้อมาแล้ว คือสามารถสร้างกำไรได้ราว 30% และใช้เวลาในการรับรู้รายได้ราว 3 ปี
ซึ่งเรายังไม่ได้รวมกำไรจากการบริหารหนี้ทั้งก้อนที่มูลค่าหน้าตั๋ว 1,600 ล้านบาทที่ซื้อมาแล้ว และก้อนที่กำลังจะซื้อเข้ามาใหม่มูลค่าหน้าตั๋ว 800 – 900 ล้านบาท โดยเราอยู่ระหว่างปรับประมาณการณ์ โดยทุกๆ 100 ล้านบาทที่บันทึกเป็นกำไรส่วนเพิ่มเข้ามาจะส่งผลต่อราคาเป้าหมาย 100 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่า SAWAD จะสามารถบันทึกกำไรจากการบริหารหนี้ราว 150 – 200 ล้านบาท
ดังนั้นจะมีผลต่อราคาเป้าหมายเพิ่มราว 1.5 – 2 บาท จากราคาเป้าหมาย 60 บาท จึงยังคงคำแนะนำ BUY โดยเราชอบ SAWAD จาก i) การมี net work ที่แข็งแกร่ง และยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง ผลักดันให้สินเชื่อเติบโตโดดเด่น ii) เร่งสร้างรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจใหม่คือรับติดตามหนี้และบริหาร NPL iii) คาดจะสามารถรักษาความได้เปรียบในด้าน NIM ที่สูงโดดเด่น และแนวโน้มของ Cost to income ratio ที่เริ่มลดลงหลังจากผ่านช่วงขยายสาขาเชิงรุก