คัด 8 หุ้น “บิ๊กแคป” เก็งรับประโยชน์จ่อชงกองทุนใหม่แทน SSF ลุยลงทุนตลาดหุ้นเต็มสูบ

คัด 8 หุ้น “บิ๊กแคป” เก็งรับประโยชน์ สมาคม บลจ. หารือ FETCO จ่อชงกองทุนใหม่แทน SSF ลุยลงทุนตลาดหุ้นเต็มสูบ


บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (18 ส.ค.66) ว่า สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) พร้อมหารือ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ร่วมกำหนดแนวทางและเงื่อนไขของกองทุนส่งเสริมการออม ลดหย่อนภาษี ก่อนเสนอกระทรวงการคลัง คาดเน้นลงทุนหุ้นไทยเป็นหลัก ระยะเวลาถือครอง 7-10 ปี หวังกระตุ้นการลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ แม้ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอีก แต่มองจิตวิทยาบวกต่อ SET และหุ้น Big Cap อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT,บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ,บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือCPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB

ด้าน นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ สมาคม บลจ.เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคม บลจ. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO  อยู่ระหว่างจัดทำกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ เพื่อทดแทนกองทุนเพื่อการออมระยะยาว หรือ  SSF ที่จะหมดอายุภายในปี 2567

โดยกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ที่จะนำมาแทน SSF นั้น จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ตลาดหุ้นไทย ส่วนรอบระยะเวลาการลงทุนจะอยู่ระหว่าง 8-10 ปี

ซึ่งหากการจัดตั้งรัฐบาลและได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใหม่แล้ว ทางสมาคม บลจ. และ FETCO พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีคลัง พิจารณาเห็นชอบทันที โดยจะส่งเรื่องให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ทันกับระยะเวลากองทุน SSF จะหมดอายุลง เนื่องจากการพิจารณากองทุนประหยัดภาษีนี้ อาจต้องใช้เวลาในการพิจารณากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพอสมควร

ที่ผ่านมา กองทุน SSF ได้รับความสนใจจากนักลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF หลายเท่าตัว

ดังนั้น กองทุนประหยัดภาษีใหม่นี้จะผสมผสานเพื่อให้กระตุ้นนักลงทุนเพื่อ “การออม” และ “กระตุ้นตลาดหุ้นไทย” ไปพร้อมกัน มั่นใจว่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักและมีสีสันมากขึ้น และคาดหวังว่า จะได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลชุดใหม่ เพราะกองทุน LTF ในอดีต ก็เริ่มต้นมาจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือ ไทยรักไทย ในอดีต

ทางด้าน บลจ.กรุงไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยในปีนี้ กำไรบริษัทจดทะเบียนประมาณ 10-12% มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.2-3.4% ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 15-16 เท่า และดัชนีเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,640 จุด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้สะท้อนความกังวลของนักลงทุน ทั้งความเสี่ยงการเมือง และการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนแล้ว  ขณะที่การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับต่ำ จากการขายออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าจากปัจจัยเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้น

Back to top button