JPARK โบรกแนะซื้อเป้า 6.40 บาท หลังโชว์งบไตรมาส 3/66 กำไรโตเด่น 28%
JPARK โบรกแนะซื้อเป้า 6.40 บาท หลังโชว์งบไตรมาส 3/66 กำไรโตเด่น 28% ลุ้นทั้งปี 66 แตะ 64 ล้าน ปี 67 โตก้าวกระโดดทะลุ 102 ล้าน
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(13 พ.ย.66) บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน หรือ JPARK แนะนำซื้อราคาเป้าหมายราคาเป้าหมาย 6.40 บาท โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 22 ล้านบาท โต 28% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โต 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนดีใกล้เคียงคาด เป็นกำไรที่เติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 จากรายได้รวมที่เติบโต 20% ทั้งเทียบไตรมาสก่อนหน้า และเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (รับรู้รายได้บริการติดตั้งระบบจัดการพื้นที่จอดรถ 3 โครงการและเริ่มเปิดพื้นที่จอดรถที่ รพ.ลาดกระบัง) และอัตรากำไรขั้นต้นมีสเถียรภาพที่ 22.6%
ส่วนกำไรงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 โต 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 78% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 64 ล้านบาท ประมาณการของเรามี upside และคาดปี 2567 โตก้าวกระโดดเป็น 102 ล้านบาทจากการเปิดบริการที่จอดรถตลาดบางกอกน้อยไตรมาส 1/2567 และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าไตรมาส 3/2566
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JPARK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับช่วง 9 เดือนของปี 2566 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.68 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 21% จากช่วง 9 เดือนของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.34 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมช่วง 9 เดือนของปี 2566 อยู่ที่ 423.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 26.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 333.46 ล้านบาท
โดยรายได้ของบริษัทฯที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกประเภทธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (PS) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 63.20 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 32.05% เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้ คลี่คลายลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการที่จอดรถทยอยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และรายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (CIPS) มีรายได้เพิ่มขึ้น 33.18 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 58.63% เนื่องจากงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสีน้ำเงินที่บริษัทได้รับสัญญาจ้างมาในช่วงกลางปี 2565 ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้ รวมถึงในไตรมาสนี้บริษัทยังได้เริ่มดำเนินโครงการใหม่อีกสองโครงการ คือโครงการปรับปรุงระบบลานจอดรถของอาคารจอดแล้วจร 8 อาคาร และโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน อาคารจอดรถโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล
ในขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนที่จะขยายจำนวนช่องจอดรถให้แตะระดับ 50,000 คันภายในปี 2568 จากในปัจจุบันที่บริหารช่องจอดรถอยู่ที่ราว 28,000 ช่องจอด ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ยแตะ 3 ล้านคันต่อเดือน จากในปัจจุบันที่มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 ล้านคันต่อเดือน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ในขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายจำนวนช่องจอดรถเพิ่มเติมอีกราว 2,000-3,000 ช่องจอด โดยจะเน้นการขยายจำนวนช่องจอดรถที่มีศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงมีงานที่ยังไม่ส่งมอบที่จะทยอยรับรู้รายได้อีกราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 43.49 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถทำรายได้ในปี 2566 เติบโตได้ที่ 15-25% ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้