TTCL ผลงานไตรมาส 4/58 สดใสขึ้นแนะนำถือเป้า 17.3 บ. ชู upside 9%
TTCL แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 สดใสขึ้น กำไรหลักเป็น 42 ล้านบาท สืบเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ EPCเป็น 5.5% จากเทียบไตรมาสก่อนหน้า หรือไตรมาส 3/58 ที่ 4.4% ซึ่งสาเหตุที่ต่ำคือ ต้นทุนที่สูงกว่าที่คาดจากโครงการ RAPID ที่มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ในไตรมาส 4/58 มีโครงการที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงประมาณ 81% มาช่วยสนับสนุนคือ โรงไฟฟ้า 120 MW ที่เป็น combined cycle ที่ให้รายได้ 200 ล้านบาท จึงทำให้ดึงอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยไตรมาส 4/58 (Blended Gross Margin) เพิ่มมาเป็นประมาณ 8.5%
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ธ.ค.) บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL ได้รับหนังสือแสดงเจตน์จำนงค์ (LOI) สำหรับการได้รับงานก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีที่จังหวัดระยอง ด้วยมูลค่าที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย ซึ่งเราคาดว่าจะสูง และช่วยเพิ่มมูลค่างานก่อสร้าง (Backlog) ในมือปัจจุบันที่ 34.8 พันล้านบาท ณ ปลายไตรมาส 3/58 เพราะระยะเวลาก่อสร้างเป็น 22 เดือน เริ่มตั้งแต่ ม.ค.59 ถึง ต.ค.60 ถือว่านานแสดงว่ามูลค่าโครงการต้องใหญ่พอควร ด้านอัตรากำไรขั้นต้น บริษัทให้แนวทางว่าเป็น 6-7% เราเห็นว่าเป็นข้อดี เนื่องจากจะช่วยอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจากธุรกิจ EPC ในรอบ 9 เดือน ปี 58 ที่ไม่สูงนักเพียง 5.1%
แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 สดใสขึ้น กำไรหลักเป็น 42 ล้านบาท สืบเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ EPCเป็น 5.5% จากเทียบไตรมาสก่อนหน้า หรือไตรมาส 3/58 ที่ 4.4% ซึ่งสาเหตุที่ต่ำคือ ต้นทุนที่สูงกว่าที่คาดจากโครงการ RAPID ที่มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ในไตรมาส 4/58 มีโครงการที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงประมาณ 81% มาช่วยสนับสนุนคือ โรงไฟฟ้า 120 MW ที่เป็น combined cycle ที่ให้รายได้ 200 ล้านบาท จึงทำให้ดึงอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยไตรมาส 4/58 (Blended Gross Margin) เพิ่มมาเป็นประมาณ 8.5%
ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิมเต็มมูลค่า (Fully Valued) ด้วยราคาพื้นฐานที่คงไว้คือ 17.30 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP (Sum of Parts) ทั้งนี้ราคาหุ้นได้ปรับลดลงถึง 18% ตั้งแต่เราปรับลดคำแนะนำเป็นเชิงลบตั้งแต่ 25 พ.ย.58 จนขณะนี้ราคาปิดกลับมีส่วนเพิ่มได้ 9% รวมทั้งปัจจัยบวกจากธุรกิจ EPC ที่ดีขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามที่เราคงราคาพื้นฐานไว้ก่อน เพราะโครงการขนาดใหญ่คือ โรงไฟฟ้าขนาด 1,280 MW ที่พม่า ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมูลค่าโครงการปิโตรเคมี ก็ยังไม่ทราบมูลค่าก่อสร้างที่แน่นอน