โบรกแนะซื้อ GULF ชูท็อปพิกกลุ่มโรงไฟฟ้า เป้า 57 บ. ลุ้นกำไรปีนี้โต 13% แตะ 1.7 หมื่นลบ.
โบรกแนะซื้อ GULF ชูท็อปพิกกลุ่มโรงไฟฟ้า ราคาเป้าหมาย 57 บาท ลุ้นกำไรปีนี้โต 13% แตะ 1.7 หมื่นล้านบาท อานิสงส์ขยายกำลังการผลิต รับการประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ภายใต้แผน PDP ใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ว่า ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่า GULF จะเป็นผู้รับอานิสงส์รายใหญ่ที่สุดจากการประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ทั้งแบบดั้งเดิมและพลังงานทดแทนภายใต้แผน PDP ใหม่ โดยจากการตรวจสอบล่าสุดของฝ่ายวิเคราะห์พบว่าร่าง PDP ใหม่อาจเปิดให้มีการประชาพิจารณ์ได้ในช่วงปลายเดือนเม.ย. 67 และมองว่าจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้น หาก GULF ชนะประมูล 30% ของกำลังการผลิตใหม่ โดยจะมีอัพไซด์คิดเป็น 7% ต่อประมาณการมูลค่ายุติธรรมของฝ่ายวิเคราะห์
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์เปลี่ยน Top Pick จาก บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็น GULF เนื่องจากเชื่อว่าราคาหุ้น GPSC สะท้อนการได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะมีการประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่ 12.9GW และพลังงานทดแทน (RE) 27.8GW ภายใต้แผน PDP ใหม่ โดยประเมินว่ากำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (ไม่รวม RE) อยู่ที่ 15% เพื่อรับประกันความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคาดว่าจะไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่อีกต่อไป และ RE จะคิดเป็น 50% ของกำลังการผลิตรวมของประเทศไทยในปี 80 ทั้งนี้จากผลการประมูลครั้งก่อน เชื่อว่า GULF จะสามารถชนะประมูลกำลังการผลิตใหม่ได้ 8.8GW ซึ่งคิดเป็นอัพไซด์ 7% ต่อประมาณการมูลค่ำยุติธรรมของฝ่ายวิเคราะห์ โดยยังไม่ได้รวมไว้ในคาดการณ์
ทั้งนี้ จากโครงการที่มีอยู่ คาดการณ์กำไรหลักปี 67 จะเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.76 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนหลักมาจากการขยายกำลังการผลิต 20% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจาก COD ของโครงการ GPD หน่วยที่ 3 (464 MWe) และหน่วยที่ 4 (464 MWe) และ COD ของโครงการหินกอง ยูนิตที่ 1 (377 MWe) นอกจากนี้ คาดว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ของบริษัทจะดีขึ้นเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติน่าจะเริ่มลดลง โดยกำลังกำรผลิต SPP คิดเป็น 16% ของกำลังการผลิตรวมของ GULF
ขณะที่ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่การประกาศอัตรา Ft ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. 67 ราคาหุ้น GULF เคลื่อนไหวแย่กว่าบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และ GPSC โดยรำคำหุ้น GULF เพิ่มขึ้นเพียง 2.3% เทียบกับ GPSC ที่ 42.3% และ BGRIM 26.1% ด้วยเหตุนี้ฝ่ายวิเคราะห์จึงมองว่าราคาหุ้น GULF ยังคง laggard และน่าสนใจมาก
ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” GULF และเพิ่มราคาเป้าหมาย เป็น 57.00 บาท จาก 56.50 บาท