SISB โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 50 บ. ลุ้นกำไรปี 67 โตแกร่ง รับนักเรียนพุ่ง-ขยายสาขาใหม่
SISB โบรกชี้กำไรไตรมาส 1/67 และทั้งปี 67 เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง จากผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาเดิมและการรับรู้รายได้สาขาใหม่เต็มปี โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (29 มี.ค.67) ว่าคาดการณ์ผลประกอบการของ บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาเดิมและการรับรู้รายได้สาขาใหม่เต็มปี ยังสามารถรองรับนักเรียนได้เพิ่มขึ้นจาก Utilization rate ยังต่ำ 62.5% เมื่อเทียบกับการจดทะเบียนเต็มกำลังความสามารถในการรองรับนักเรียน ซึ่งบริษัทมีปรับการขยายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นในปี 67-68 เป็น 1,800 ที่นั่ง จากเดิมตั้งเป้าขยาย 1,500 ที่นั่ง จากสาขาประชาอุทิศที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 และทั้งปี 67 เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง โดยปรับประมาณการเพิ่มขึ้น สะท้อนผลประกอบการจากฐานปี 66 และแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 32%
อย่างไรก็ดี บริษัทประกาศปรับแผนขยายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสาขาประชาอุทิศที่ได้รับการตอบรับดี ซึ่งในปี 67 บริษัทมีการขยายสาขาเชียงใหม่เฟส 2 แล้ว 300 ที่นั่ง และวางแผนขยายสาขาธนบุรีเฟส 3.1 จำนวน 300 ที่นั่ง คาดจะเริ่มการศึกษาใหม่ ส.ค.67
น่าจะสำหรับปี 68 บริษัทวางแผนขยายสาขาประชาอุทิศเฟส 3 จำนวน 600 ที่นั่ง และสาขาธนบุรีเฟส 3.2 อีก 600 ที่นั่ง พร้อมวางงบลงทุนในปี 67 คาดไว้ที่ 40 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารและเช่าพื้นที่ สำหรับปี 68 วางงบลงทุนจากการก่อสร้างอาคารไม่เกิน 500 ล้านบาท (ค่าเสื่อมรวมค่าเช่าที่ดินประมาณปีละ 20-24 ล้านบาท/ปี) โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือ บริษัทตั้งเป้านักเรียนเพิ่มขึ้นปีละ 400 คนในปี 67-69 จาก 6 สาขา
ขณะที่ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นราว 80 คน และคาดจะเพิ่มสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 จากการเปิดการศึกษาใหม่ (ณ สิ้นปี 2023 มีจำนวนนักเรียน 4,197 คน คิดเป็น Utilization rate 83% ของพื้นที่ห้องที่เปิดแล้ว และคิดเป็น 62.5% เทียบกับการจดทะเบียนกับจำนวนความสามารถในการรองรับนักเรียนเข้าใหม่ 1,140 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่สมัครเข้าเรียนสาขาประชาอุทิศและเชียงใหม่เป็นหลัก ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนจำนวน นักเรียนต่างชาติ 27% และคนไทย 73% โดยยังคงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ในราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 50 บาท