SIRI:โบรกฯคาดปันผลปี 58 สูงสุดในกลุ่มปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อมีอัพไซด์ 12%
SIRI จากหุ้นที่ปรับลงลึก คาดว่า SIRI จะเป็นหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลปี 58 ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มที่ 7.2% ทั้งนี้บริษัทยังไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลแต่อย่างใด และหากใช้สถิติที่ผ่านมา XD กลางมี.ค.และจ่าย พ.ค. ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ หลังราคาหุ้นปรับลงมากไป ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 1.66 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 12%
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (13 ม.ค.) ว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI คาดกำไรปี 58 ยังปันผลได้สูง เพราะมีกำไรพิเศษ จากคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 58 ที่ 0.22 บาท แบ่งเป็นกำไรหลักจากการดำเนินงานปกติที่ 0.17 บาทต่อหุ้น และกำไรพิเศษซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายที่ดินเปล่าอีก 0.05 บาท ทั้งนี้เราได้ใช้อัตราการจ่ายปันผล (payout ratio) ที่ระดับ 48% โดยที่บริษัทจะจ่ายจากกำไรสุทธิทั้งหมด ซึ่งรวมกำไรพิเศษด้วย จะได้ประมาณการเงินปันผลงวดปี 58 ที่ 0.11 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงเป็น 7.2% ถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ DBS ทำการวิเคราะห์ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 3.9%
จะได้รับปันผลเต็มจำนวน และใช้เวลาไม่นาน SIRI ไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend)ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เงินปันผลที่ประกาศจ่ายหลังประกาศผลประกอบการปี 58 จึงเป็นเฉพาะงวดสุดท้ายของปี (Final Dividend) นักลงทุนที่มีหุ้น SIRI อยู่จึงจะได้รับเงินปันผลเต็มจำนวน และจากสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าบอร์ดมีมติจ่ายปันผลช่วงปลาย ก.พ. ขึ้นเครื่องหมาย XD กลาง มี.ค. และครบกำหนดการจ่ายปันผลเดือน พ.ค. จึงถือว่าหากซื้อหุ้น SIRI ในระยะนี้จะใช้เวลาไม่นานนักที่จะได้รับเงินปันผล
ปิดการขายปี 58 ต่ำกว่าเป้า แต่ถือว่าสอดคล้องกับกลุ่ม จากการสอบถามบริษัทพบว่าปิดการขายปี 58 ที่ 28.4 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ 30 พันล้านบาทเล็กน้อยประมาณ 5% แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมที่บริษัทส่วนใหญ่ทำได้ไม่ถึงเป้าหมาย เพราะกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจไทย สำหรับส่วนประกอบยอดขายแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8.9 พันล้านบาท (31.3%) ทาวน์เฮ้าส์ 2.2 พันล้านบาท (7.8%) คอนโดมิเนียม 6.7 พันล้านบาท (23.6%) และคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับ BTS 10.6 พันล้านบาท (37.3%) นอกจากนี้บริษัทได้ปรับลดการเปิดขายโครงการใหม่ ไตรมาส 4/58 จากเดิมที่ 10 โครงการ เหลือ 4 โครงการ อย่างไรก็ตามยอดขายปี 58 สูงกว่าปี 57 อยู่ 223%
คาดว่ากำไรหลักปี 58 อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่กำไรสุทธิลดลง 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 3.2 พันล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นเพราะบันทึกกำไรพิเศษน้อยกว่าปี 57 ด้านกำไรสุทธิ ไตรมาส 4/58 ลดลง 50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 15% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 690 ล้านบาท เพราะฐาน เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นไตรมาสที่มีกำไรมากถึง 1.2 พันล้านบาท ถือเป็นแรงกดดันจากฐานเปรียบเทียบที่สูง (High Base Effect) และ ไตรมาส 4/58 มีโอกาสบันทึกขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนกับ BTS ถึง 150 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นจากการกู้เงินเพื่อซื้อที่ดิน แต่การที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกนั้น คาดว่าได้สะท้อนผลการดำเนินงาน ไตรมาส 4/58 ที่ไม่ดีนักไปพอควรแล้ว
คาดการณ์กำไรหลักปี 59 และ 60 โตปีละ 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแรงผลักดันคือ แนวโน้มในเรื่องอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 จะสูงกว่าปี 58 ที่ 30% ซึ่งเราคาดว่าเป็น 32% สืบเนื่องจากคอนโดที่เป็นสต็อคต่างจังหวัดที่บริษัทเคยนำมาจัดโปรโมชันลดราคามากในปี 58 ก็จะเหลือน้อยแล้วในปี 59 แม้ว่ารายได้จะอยู่ในเกณฑ์ที่ทรงตัวก็ตาม แต่กำไรสุทธิปี 59 กลับจะลดลง 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะมีสมมุติฐานว่าปี 59 ไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษแต่อย่างใด
ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ เพื่อรับเงินปันผลที่สูงเป็นพิเศษสำหรับปี 58 ราคาหุ้นปรับตัวลงลึกจนขณะนี้ซื้อขายด้วย P/E และ P/BV ปี 59 ที่ต่ำเพียง 8.0 และ 0.75 เท่า ตามลำดับ ราคาพื้นฐานซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59-normalize ที่ 9 เท่า เป็น 1.66 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 12% สำหรับ ด้านคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 59 และ 60 เข้าสู่ภาวะปกติที่ 6% และ 6.4% เนื่องจากมีสมมุติฐานว่าไม่มีกำไรจากรายการพิเศษ แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี