BDMS ลุ้นกำไร Q2 แตะ 3.34 พันล้าน รับรายได้ผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง แนะซื้อ เป้า 34 บ.

โบรกแนะซื้อ BDMS ลงทุนระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 34 บาท ชูธุรกิจแกร่ง-เครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ รับดีมานด์ผู้สูงอายุพุ่ง คาดกำไรหลักไตรมาส 2/67 แตะ 3.34 พันล้านบาท รับรายได้ผู้ป่วยต่างชาติโตแกร่ง


บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (12 ก.ค. 67) ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โดยให้ราคาเป้าหมายอิง DCF ที่ 34 บาท แม้ว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/67 จะยังไม่โดดเด่น แต่มองว่าสามารถซื้อสำหรับการลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจาก BDMS มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศและแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากประชากรสูงอายุและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้ อีกทั้ง Valuation ปัจจุบันมีความน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ P/E ปี 67 ที่ 26 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีก่อนวิกฤตโควิด-19 อยู่ -1.8 SD ในขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของ EPS และ ROE เฉลี่ยในปี 67-69  ที่ 11% และ 17.5 % ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

โดยคาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 3.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 18% จากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตของกำไรจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ EBITDA Margin ที่สูงขึ้นเล็กน้อยที่ 22.8% (เทียบกับ 22.6% ในไตรมาส 1/66) เนื่องจากผลกระทบของการประหยัดต่อขนาด อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรจะลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง Low season ซึ่งสะท้อนในรายได้ที่ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน และ EBITDA Margin ที่ลดลง 240 bps

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากผู้ป่วยชาวจีน ยุโรป และตะวันออกกลาง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กลุ่มตะวันออกกลางได้แรงหนุนวันรอมฎอนที่ลดลงเมื่อเทียบกับ 2/66 สำหรับรายได้จากผู้ป่วยไทยเติบโตต่อเพียงหลักเดียวที่ 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากปัจจัยดังนี้ 1) วันหยุดยาวในปีนี้ที่มากกว่าปีที่แล้ว

2) ฐานสูงในปีที่แล้วที่มีการการระบาดของโรคมาก โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต และ 3) การประเมินค่าสินไหมทดแทนที่เข้มงวดมากขึ้นโดยบริษัทประกันชีวิต โดยเฉพาะโรคทั่วไป เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รวมถึงเบี้ยประกันสุขภาพเด็กที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีการซื้อประกันลดลง และมาโรงพยาบาลน้อยลง

Back to top button