KTB:กำไรแย่กว่าคาดเพราะตั้งสำรองฯสูงโบรกฯแนะนำถือราคาเป้าหมาย 19 บาท
KTB ตั้งสำรองฯสูงขึ้นเป็น 30.5 พันล้านบาทในปี 58 จาก 18.6 พันล้านบาทในปี 57 เพื่อให้มี Coverage ratio สูงกว่า 100% (สิ้นปี 58 มี Coverage ratio 112.5% เพิ่มจาก 102.5% ในสิ้นก.ย.58 แต่ลดลงจาก 135.4% ในสิ้นปี 57) ด้าน CAR สิ้นธ.ค.58 เท่ากับ 15.22% โดยเป็นขั้นที่ 1 เท่ากับ 11.4.% แนะนำถือราคาเป้าหมาย 19 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 ม.ค.) ว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 เท่ากับ 6.8 พันล้านบาท (-15%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ +28%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2015 เป็น 28.5 พันล้านบาท (-14%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยการเพิ่มขึ้นของ NPL เฉพาะอย่างยิ่งกรณีหนี้เสีย SSI ทำให้ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงกว่าคาดที่ 1.53% ของสินเชื่อรวม (คาดการณ์ไว้ที่ 1.35%) สินเชื่อปี 2015 ขยายตัว 3.8%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (9 เดือน ปี 58 เติบโต 1.4% และ 11M15 ขยายตัว 3.2%) การเติบโตมาจากสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย ตามโครงการซอฟท์โลนของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 4/58
NPL ratio ลดลงเป็น 3.2% ในสิ้นปี 58 เทียบกับ 4.0% ในสิ้นก.ย.58 แต่เพิ่มจาก 2.4% ในสิ้นปี 57 โดยการเพิ่มของ NPL มาจากสินเชื่อรายย่อยและ SME รวมถึงหนี้จัดชั้นของ SSI ด้วย ทั้งนี้ NPL จาก SSI เท่ากับ 23 พันล้านบาท โดยในสิ้นปี 58 มีการตัดหนี้สูญในส่วนของ SSI-UK มูลค่า 12.4 พันล้านบาท ทำให้ NPL ratio ลดลงจากสิ้นก.ย.2015 (สิ้นธ.ค.2015 มี NPL เท่ากับ 76.4 พันล้านบาท ลดลงจากสิ้นก.ย.2015 ที่ 91.5 พันล้านบาท)
ธนาคารตั้งสำรองฯสูงขึ้นเป็น 30.5 พันล้านบาทในปี 58 จาก 18.6 พันล้านบาทในปี 57 เพื่อให้มี Coverage ratio สูงกว่า 100% (สิ้นปี 58 มี Coverage ratio 112.5% เพิ่มจาก 102.5% ในสิ้นก.ย.58 แต่ลดลงจาก 135.4% ในสิ้นปี 57) ด้าน CAR สิ้นธ.ค.58 เท่ากับ 15.22% โดยเป็นขั้นที่ 1 เท่ากับ 11.4.% แนะนำถือราคาเป้าหมาย 19 บาท