ข้อมูลชี้ SET เดือน ก.พ.ให้ผลตอบแทนเป็นบวกโบรกฯคัด 8 หุ้นฟอร์มแรง พื้นฐานแน่น-รีเทิร์นสูง

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากสถิติในอดีตพบว่า SET เดือน ก.พ. ให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยโอกาสที่สูง โดยคาดว่าเดือน ก.พ. SET Index มีโอกาสแกว่งตัวเชิงบวก ทั้งนี้พิจารณาข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี (2549-2558) พบว่า SET Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.35% ด้วยความน่าจะเป็นราว 70% (มีโอกาสเกิด 7 ใน 10 ปี)

และหากพิจารณาเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม จะพบว่า กลุ่มฯ ที่สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่าตลาดอย่างมีนัยฯ พร้อมทั้งมีความน่าจะเป็นในระดับสูงเกินกว่า 80% ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจการเงิน, โรงพยาบาล, ธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรายละเอียดดังภาพด้านล่าง

 

ผลตอบแทนเฉลี่ยและความน่าจะเป็ นของ SET และ sector เดือน ก.พ. ย้อนหลัง 10 ปี

 

ขณะที่หุ้นรายบริษัทในแต่ละกลุ่มฯ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยและความน่าจะเป็นได้ในระดับสูงของกลุ่ม มีรายละเอียดดังตารางด้านล่าง พร้อมกับปัจจัยพื้นฐานรายหุ้นที่มีความโดดเด่นดังนี้

 

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC (ราคาเหมาะสม 4.56 บาท) คาดไตรมาส 4/58 จะมีกำไร 628 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ และอาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากยอดโอนฯ โครงการ Centric Sea ที่สูง และกำไรจากการประเมินค่าสินทรัพย์ บวกกับคาดการณ์จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ณ ระดับราคาหุ้นปัจจุบันสูงถึง 6%

 

บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK (ราคาเหมาะสม 23.20 บาท) เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของสินเชื่อรถบรรทุก หนุนจากการก่อสร้างโครงการภาครัฐ และเพื่อการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งแนวโน้มการเก็บหนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมี NPL ทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับ ไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้ง Dividend Yield ที่สูงถึง 7% ต่อปี

 

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI (ราคาเหมาะสม 23.20 บาท) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านแผนการลงทุนของภาครัฐ ที่เริ่มเกิดขึ้นและการค้าชายแดนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนให้สินเชื่อรถบรรทุกเติบโต ผนวกกับ spread ปี 2559 ที่ยังคงเป็นขาขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 เติบโต 18.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ด้วย Valuation ที่ PER เพียง 10 เท่า และให้ Dividend Yield สูงกว่า 6% (จ่ายปันผลปีละครั้ง)

 

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS (ราคาเหมาะสม 23.60 บาท) ร.พ. ใหม่อีก 10 แห่งจาก 14 แห่งจะค่อยๆพลิกมีกำไรปีละ 2-3 แห่ง และการปรับปรุง ร.พ. เดิม 8 แห่ง เป็น International Hub หนุนกำไรเติบโตคาดปี 2559 โต 11.4% จากปีก่อน และทิศทางประสิทธิภาพการทำกำไรทยอยฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ แม้ว่า ณ ราคาปัจจุบันจะมี Upside จำกัด จึงแนะนำซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลง

 

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP (ราคาเหมาะสม 46.5 บาท) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตถึง 20.5% จากปีก่อน และเชื่อว่าสัญญาณบวกของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ช่วงปลายปี จะช่วงเพิ่มความมั่นใจการเติบโตสุทธิจะเริ่มเป็นบวกได้ใน 2H59 พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ธุรกิจด้วยการปรับส่วนผสมของสินเชื่อ การบริหารต้นทุน ผลักดันรายได้ค่าธรรมเนียมฯ และบริหารคุณภาพสินทรัพย์ จึงแนะนำซื้อเป็น Top pick ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์

 

บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS (ราคาเหมาะสม 55 บาท) ได้แรงหนุนจากมาตรการลดหย่อยภาษี สำหรับการใช้จ่ายช่วงปลายปี ส่งผลทางตรงต่อหุ้น แม้ระยะสั้นทิศทางกำไรยังทยอยฟื้นตัวช้าๆ แต่คาดกำไรไตรมาส 4/58 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ที่อัตราการเติบโตใกล้เคียงช่วงที่ผ่านมาราว 10% จากปีก่อน และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16% ในปี 2559 ซึ่งราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าปรับฐานลงมามากแล้วจึงคงคำแนะนำซื้อ

 

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO (ราคาเหมาะสม 8.3 บาท) คาดกำไรจะทยอยๆฟื้นตัว ทำจุดสูงสุดในไตรมาส 4/58 แตะระดับ 1 พันล้านบาท ซึ่งทำให้กำไรรวมทั้งปี 2558 เพิ่มขึ้นราว 3% และเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีการใช้จ่ายช่วงปลายปี บวกกับ Valuation ที่ PER 20.6 เท่า upside 22.06%

 

บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE (ราคาเหมาะสม 100 บาท) ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 ดีเกินคาด ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายไตรมาส โดยเติบโตถึง 13.6% จากไตรมาสก่อน และ 12.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ทั้งที่เป็นช่วง Low Season สาเหตุหลักจาก ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น หลังย้ายกำลังผลิตมาที่โรงงานลาดกระบังใหม่เฟส 2 ซึ่งดำเนินงานการผลิตด้วยเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม อย่างไรก็ตามเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าอาจจะรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

 

ที่มา และตารางประกอบข่าว: บทวิเคราะห์ Market Talk บล.เอเซีย พลัส