SEAFCO:ปรับประมาณการปี 59-60 ดีขึ้นแนะซื้อปรับราคาพื้นฐานใหม่เป็น 9.69 บ.
SEAFCO คาดปี 58 ได้ผ่านจุดต่ำสุด กำไรหลักลด 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะงานภาครัฐล่าช้าออกไป ราคาหุ้นสะท้อนไปพอควรแล้ว แต่แนวโน้มปี 59 สดใสขึ้น จากงานในอุตสาหกรรมประมาณ 6.5 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งหลังปีนี้ มีโอกาสได้รับงานก่อสร้างจากภาครัฐที่จะออกมามากขึ้น โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ปรับประมาณการปี 59-60 ดีขึ้น ปรับเพิ่มเป็น ซื้อ หลังปรับประมาณการดีขึ้น ราคาพื้นฐานใหม่เป็น 9.69 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(9 ก.พ.) ว่า บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ปี 58 เผชิญกับภาวะงานภาครัฐล่าช้า งานส่วนใหญ่ที่ก่อสร้างจึงเป็นงานภาคเอกชน ขณะที่ปี 57 ได้ทำงานรถไฟฟ้าในส่วนฐานรากคือ สายสีเขียวและสายสีน้ำเงินซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่างานภาคเอกชน จึงยังผลให้กำไรในงวด 9 เดือน ปี 58 เป็นเพียง 127 ล้านบาท ลดลงถึง 28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นงวด 9 เดือน ปี 58 เป็น 17.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 20.7% ส่วนกำไรหลักตลอดปี 58 คาดว่าเป็น 172 ล้านบาท ลดลง 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนด้านราคาหุ้นได้สะท้อนถึงผลประกอบการที่ด้อยลง ปรับตัวลงต้นปี 59 ถึงปัจจุบัน (YTD) ถึง 10% สอดคล้องกับคำแนะนำ เต็มมูลค่า (Fully Valued) ของฝ่ายวิจัยฯ DBS
ช่วงครึ่งปีแรก ยังมีโอกาสได้รับงานเพิ่ม แม้ว่างานขนาดใหญ่ภาครัฐคาดว่าจะออกมามากในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่งานก่อสร้างประเภทฐานรากที่ยังคงเปิดโอกาสอยู่ ส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชนจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6.5 พันล้านบาท และเนื่องจาก SEAFCO เป็นผู้นำงานฐานรากในประเทศไทย ด้วยส่วนครองตลาด 30-40% จึงคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มอีกประมาณ 2-2.6 พันล้านบาทได้ และช่วยเสริมแหล่งที่มาของรายได้ จากงานก่อสร้างในมือ ณ สิ้นปี 58 ที่ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไปอีก 3 ไตรมาส (รายได้ตกไตรมาสละ 500 ล้านบาท)
ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสได้งานภาครัฐมากยิ่งขึ้น จากการติดตามข่าวความคืบหน้าการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เช่น สายสีส้ม สีเหลือง และสายสีอื่นๆ พบว่าจะไปเริ่มได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้มากกว่า และเนื่องจาก SEAFCO มีสายสัมพันธ์ที่ดีมากกับ CK ดังนั้นหาก CK สามารถประมูลงานรถไฟฟ้าได้เพิ่ม ก็จะมีผลต่อเนื่องทำให้ SEAFCO ได้รับงานเพิ่มด้วย และข้อที่ดีคือ งานเหล่านี้จะให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่างานภาคเอกชน เช่นที่เคยเกิดในปี 57 อัตรากำไรขั้นต้นสูงไปถึง 20.6% ทีเดียว
ปรับประมาณการดีขึ้น เพื่อสะท้อนแนวโน้มการได้รับงานภาครัฐมากขึ้นในปี 59 ซึ่งปกติจะให้อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่างานภาคเอกชน จึงปรับสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 และ 60 เพิ่มขึ้นเป็น 18.7% ทั้งสองปี จากเดิมที่ 18.5% ยังผลให้มีการปรับประมาณการปี 59 และ 60 เพิ่มขึ้นปีละ 2%
มีโอกาสได้งานรถไฟทางคู่ ส่วนยกระดับ ที่กล่าวว่าเป็น Positive Surprise เพราะปกติงานรถไฟทางคู่จะเป็นแนวราบ แต่ในส่วนรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ที่บริษัทกิจการร่วมค้า ซีเคซีเอช (CK ถือหุ้น 70%) ได้รับสัญญาจ้างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย มูลค่า 23.4 พันล้านบาท นั้นส่วนหนึ่งจะเป็นทางยกระดับ ระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร แต่ยังไม่ทราบมูลค่าก่อสร้างที่แน่ชัด คาดว่าจะไม่เกิน 500 ล้านบาท (เฉพาะค่าแรง) จากการสอบถามบริษัทพบว่าทาง CK จะมีการเปิดให้รับเหมาช่วงประมาณ เม.ย.59 นี้ แต่เนื่องจากเป็นงานฐานรากที่จะเกิดขึ้นก่อนในโครงการ คาดว่าหากทาง SEAFCO ได้รับจาก CK ก็จะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายในปี 59 นี้
ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิมเต็มมูลค่า (Fully Valued) คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้าเทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 16% และ 6% ตามลำดับ กำหนดราคาพื้นฐานใหม่ด้วย P/E ปี 59 ที่ 15 เท่า เป็น 9.85 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 13% สำหรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเป็น3.5% จุดเด่นคือ เป็นผู้นำตลาดงานฐานราก เสาเข็มเจาะ กำแพงกันดิน เมื่องานก่อสร้างกลับมาฟื้นตัวจะได้รับประโยชน์เต็มที่ ฐานะการเงินดี คาดว่าสิ้นปี 59 เป็นเงินสดสุทธิ (มีเงินสดมากกว่าเงินกู้) และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูง คาดว่าสิ้นปี 59 เป็น 19.1% สำหรับแรงกระตุ้นราคาหุ้น นอกจากเรื่องงานฐานรากรถไฟฟ้าทางคู่ที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว จะมีเรื่องความคืบหน้าการได้งานก่อสร้างที่พม่าเพิ่มที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่รอความคืบหน้าอยู่คือ งานศูนย์การค้า มูลค่า 200 ล้านบาท