โบรกเชียร์ซื้อ CPF จ่อรับ “ราคาหมู” ในเวียดนาม-จีน สูงต่อครึ่งแรกปี 68
CPF คาดการณ์ครึ่งแรกปี 68 โตแกร่ง 66% ราคาหมูปรับตัวดีขึ้นในไทย เวียดนาม และจีน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง ชูเป้าราคา 28.75 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ว่าจะรับอานิสงส์ราคาหมูในไทยจะฟื้นตัวในปี 68 เนื่องจากอุปทานลดลงจากผลกระทบของน้ำท่วม และการระบาดของโรคในไตรมาส 3/67
ส่วนแนวโน้มครึ่งแรกของปี 68 คาดว่าราคาหมูในเวียดนาม และจีนจะยังคงสูงกว่าครึ่งแรกของปี 67 เนื่องจากอุปทานที่ลดลงและคาดว่าราคาในเวียดนามและจีนจะปรับตัวลดลงในครึ่งหลังของปี 68 เนื่องจากคาดว่าอุปทานแม่หมู จะฟื้นตัวภายในสิ้นปี 67 ซึ่งจะเพิ่มการผลิตสุกรในครึ่งหลังของปี 68 คาดต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงต่อเนื่องในงบปี 68
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สำหรับผู้ผลิตปศุสัตว์และสัตว์ปีกในไทยจะลดลงในปีงบ Price Performance 68 จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น โดยคาดว่า ราคาข้าวโพดในประเทศจะลดลงเหลือ 10 บาท/กก. ในปี 68 จาก 11 บาท/กก. ในปี 67 เนื่องจากสภาพอากาศแบบลานีญาในไตรมาส 4/67- 1/68 และสภาพอากาศที่เป็นปกติในไตรมาส 2-3/68 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวโพดด้วยปริมาณฝนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสภาพอากาศแบบเอลนีโญในไตรมาส 4/66- 2/67
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าราคาอาหารกากถั่วเหลืองนำเข้าจะลดลงเหลือ 19 บาท/กก. ในปี 68 จาก 21 บาท/กก. ในปี 67 จากการผลิตถั่วเหลืองทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นโมเมนตัมการเติบโตของกำาไรระยะสั้นเป็นไปในเชิงบวก และคาดว่า CPF จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในไตรมาส 4/67 จากราคาสินค้าเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัวในหลายภูมิภาค รวมถึงส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPALL อย่างไรก็ตาม กำไรในไตรมาส 4 มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันตามปกติ
อย่างไรก็ตาม แม้ EPS หลักของปีงบ 68 จะเติบโตเพียง 3.6% เทียบกับช่วงเดียวกันชองปีก่อน แต่ยังคงเลือก CPF เป็นหุ้นเด่นในครึ่งแรกของปี 68 เนื่องจากคาดว่า EPS หลักในครึ่งแรกปี 68 จะเติบโตแข็งแกร่งถึง 66% เทียบกับช่วงเดียวกันชองปีก่อน จากราคาหมูที่ปรับตัวดีขึ้นในไทยและจีน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง
ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเล็กน้อยเป็น 28.75 บาท