โบรกแนะ “ซื้อ” GULF เป้า 66 บาท ชี้กำไร Q4 นิวไฮ-เป้ากองทุน ThaiESG

GULF  โบรกชี้กำไรไตรมาส 4/67 ไปจนถึงทั้งปี 68 โตต่อเนื่อง โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท รวมถึงได้ประโยชน์จากการเป็นเป้าหมายของกองทุน ThaiESG ที่มีอันดับ SET ESG rating ที่ AAA


บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ว่า ผลการดำเนินงานปกติ งวดไตรมาส 4/67 จะขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำนิวไฮจาก 1.รับรู้โครงการ GPD phase 4 ที่ได้เริ่ม COD 1 ต.ค. 2. ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม BRK2 และโรงไฟฟ้า GULF-GUNKUL ที่เป็นช่วง High season 3.ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่าสามารถชดเชยปัจจัยลบจากปริมาณขายไฟทั้ง IPP และ GPM ของ SPP ที่ลดลงตามต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้นได้

ส่วนภาพทั้งปี 67-68 Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิเท่ากับ 1.87 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 23.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 65.96 บาท

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า GULF ยังมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวและมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าด้วยกัน เนื่องจาก 1. การ diversfied พอร์ตรายได้ที่มีความหลากหลายมากกว่า เช่นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในกลุ่ม Data center, Cloud และ AI 2. รับรู้ Synergy การควบรวมกับ INTUCH ที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จช่วง 2068เกิดเป็น NewCO ซึ่งเรามองว่าจะสามารถเข้า SET 50 ได้ทันที รวมถึงจะช่วยให้สถานะการเงินดีขึ้น โดยตลาดคาดวัง Net IBD/E จะปรับลดลงมาต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันที่ระดับ 1.7 เท่า ช่วยเสริมศักยภาพในการจัดหาแหล่งเงินทุน

ทั้งนี้ในเชิง Sentiment มองว่า GULF ได้ประโยชน์จากเป็น 1 ในหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESG ที่มีอันดับ SET ESG rating ที่ AAA หลัง Morningstar research Thailand รายงานข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน พบว่า 10 อันดับกองทุนแรก ที่มีผลตอบแทนระหว่าง 8.09-12.90% ประกอบกับสถิติที่ผ่านมาของกองทุน Tax Saving Fund จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาจำนวนมากในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีประกอบคาดว่ากับตลาดรับรู้ปัจจัยลบจากประเด็นการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15% ตามแผนภาษีขั้นต่ำสากลของ OECD ไปพอสมควรแล้ว

Back to top button