MODERN:ส่องปี 59 ยอดขายโตไม่มาก แนะถือเพื่อรับปันผลราคาพื้นฐาน 8.2 บ.
MODERN ปี 59 ยอดขายเติบโตไม่มาก ณ สิ้นธ.ค.2015 มีมูลค่างานในมือ 2.6-2.7 พันล้านบาท โดยเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ที่พักอาศัยเกือบ 2 พันล้านบาทที่เหลือเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ซึ่งปกติจะมีระยะเวลาส่งมอบเร็วกว่า และบริษัทได้งานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เติบโตนัก เพราะการบริโภคและการลงทุนยังค่อนข้างซบเซา เราจึงประเมินว่ารายได้ในปี 59 จะขยายตัว 6% ซึ่งต่ำกว่าภาวะธุรกิจปกติที่ขยายตัว 10-15% ต่อปี
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (16 ก.พ.)ว่า บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN คาดกำไรสุทธิปี58อยู่ที่ 677 ล้านบาท ลดลง 14%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยประมาณการ Norm Profit ไว้ที่ 362 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นกำไรจากการขายหุ้น TPAC ที่บันทึกเข้ามาใน ไตรมาส 4/58 สำหรับ Norm Profit ของ ไตรมาส 4/58 คาดว่าจะอยู่ที่ 82 ล้านบาทใกล้เคียงกับไตรมาส 1-ไตรมาส 2/58 ที่มีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท/ไตรมาส แต่จะลดลง 30%เทียบไตรมาสก่อนหน้าโดยเป็นผลจากยอดขายที่ชะลอตัวลงเพราะลูกค้าเลื่อนการรับมอบสินค้า โดยเฉพาะในส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่พักอาศัย รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลด้วย
ปี 59 ยอดขายเติบโตไม่มาก ณ สิ้นธ.ค.2015 มีมูลค่างานในมือ 2.6-2.7 พันล้านบาท โดยเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ที่พักอาศัยเกือบ 2 พันล้านบาทที่เหลือเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ซึ่งปกติจะมีระยะเวลาส่งมอบเร็วกว่า และบริษัทได้งานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เติบโตนัก เพราะการบริโภคและการลงทุนยังค่อนข้างซบเซา เราจึงประเมินว่ารายได้ในปี 59 จะขยายตัว 6% ซึ่งต่ำกว่าภาวะธุรกิจปกติที่ขยายตัว 10-15% ต่อปี
รุกธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและลดต้นทุน โดยแผนกลยุทธ์หลักสำหรับปี 59 คือ
1. การขยายรายได้ในธุรกิจที่ยังเติบโตดี เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายธุรกิจ Health care ไว้ราว 400 ล้านบาทจาก 260 ล้านบาทในปี58(+54%) ซึ่งธุรกิจนี้มีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 7%, รุกงานภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2H16 และขยายตลาดในต่างประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น
2. การบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ซึ่งส่วนนี้มีตัวช่วยคือ ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เช่น พลาสติก, แผ่นปาร์ติเกิ้ลและเอ็มดีเอฟ, โลหะต่างๆ นอกจากนั้นรูปแบบการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ก็ช่วยบริหารต้นทุนได้ด้วย
คาดการณ์ Norm Profit ปี 59-60 ขยายตัวปีละ 10% เป็น 392 ล้านบาท และ 430 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งมาจากยอดขายที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการบริหารให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฐานะเงินสดสุทธิ และจ่ายปันผลสูง โดยคาดการณ์เงินปันผลสำหรับครึ่งหลังปี 59 เท่ากับ 0.25 บาท/หุ้น (Remaining Yield 3.3%) และสำหรับทั้งปี 2016 เท่ากับ 0.50 บาท/หุ้น (Dividend Yield 2016 เท่ากับ 6.6%) แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 8.20 บาท (Sum-of-parts)