AMATA:เน้นธุรกิจไปยังเวียดนามแนะซื้อราคาเป้าหมาย 15.1 บาท
AMATA เน้นธุรกิจไปยังเวียดนาม แต่เดิมมีธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเพียงแห่งเดียวคือ เมือง Bien Hoa จังหวัด Dong Nai แต่ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากรัฐบาลเวียดนามให้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมไฮเท็ค จำนวน 410 ha (1 ha = 6.25 ไร่) ใน Long Than การก่อสร้างจะเริ่มได้ใน ครึ่งหลังปี 59 และจะเริ่มให้รายได้ในครึ่งหลังปี 60
บล.ดีบีเอส ประเทศไทย ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (9 มี.ค.) ว่าบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)หรือ AMATA เน้นธุรกิจไปยังเวียดนาม แต่เดิมมีธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเพียงแห่งเดียวคือ เมือง Bien Hoa จังหวัด Dong Nai แต่ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากรัฐบาลเวียดนามให้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมไฮเท็ค จำนวน 410 ha (1 ha = 6.25 ไร่) ใน Long Than การก่อสร้างจะเริ่มได้ใน ครึ่งหลังปี 59 และจะเริ่มให้รายได้ในครึ่งหลังปี 60
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับอนุญาตให้ลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของ service township จำนวน 122 ha และ mega township 753 ha ที่ Long Than ประมาณ มิ.ย.59 นี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจที่เวียดนามจะมีสัดส่วนของรายได้และกำไรที่มากขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 60-61 ทั้งนี้ในงวดปีที่แล้วเป็นสัดส่วน 13% และ 19% ตามลำดับ
สำหรับเป้ายอดขายนิคมฯปีนี้เป็น 1,000 ไร่ เทียบกับ 617 ไร่ในปี 58 สำหรับมีสมมุติฐานยอดขายปีนี้และปีหน้าเป็น 906 และ 1,063 ไร่ ตามลำดับ โดยมาจากไทย 750 ไร่ และเวียดนาม 156 ไร่ในปี 59 และ 313 ไร่ในปี 60 ซึ่งเพิ่มขึ้นดีเมื่อ นิคมฯที่ Long Than เริ่มเปิดขายได้ ทั้งนี้ในปี 58 ที่ผ่านมายอดขายนิคมฯที่เวียดนามเป็น 114 ไร่
คาดการณ์รายได้จากการโอนนิคมฯปีนี้อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็น 3.1 พันล้านบาท แม้ว่าบริษัทคาดว่าจะโตได้ในอัตราตัวเลขเดียว (single digit) โดยที่รายได้ในปี 58 ที่ 3.1 พันล้านบาทนั้นลดลงถึง 42% จากปี 57 ที่ 5.3 พันล้านบาท ทั้งนี้ยอดขายรอโอน (Backlog) ณ ปลายปี 58 ได้ลดลงเป็นเพียง 1.3 พันล้านบาท นั่นแสดงว่าบริษัทต้องพึ่งพิงรายได้จากการโอนการขายใหม่ในปีนี้ค่อนข้างมาก ทางด้านรายได้สาธารณูปโภคและค่าเช่า (recurring income) ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ 15-20% เทียบกับปี 58 ที่เพิ่มขึ้น 5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
คงคำแนะนำ ซื้อ แม้คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ลดลง 18%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1 พันล้านบาท เพราะฐานปีก่อนมีกำไรพิเศษขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าเข้ากอง REIT มีกำไรหลังภาษีที่ 351 ล้านบาท แต่ปีนี้ไม่มี แต่กำไรหลักปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนผลพวงจากการเติบโตของ recurring income และไปเติบโตถึง 23%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 60 เมื่อกำไรจากเวียดนามเริ่มเบ่งบาน ด้านราคาพื้นฐานเป็น 15.10 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี RNAV และใช้ส่วนลดที่ 30% ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 21%