GTB: กูรูแนะซื้อ ราคาสูงกว่า IPOฟันธง! รายได้-กำไรปี 59-60 โตดี
โบรกฯประเมินมูลค่าพื้นฐาน GTB ปี 59 ที่ 1.62 บาท แนะนำ “ซื้อ”
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (23 มี.ค.) แนะนำหุ้นบริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB ผู้ผลิต, จัดจำหน่าย รวมถึงการติดตั้ง และซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไอน้ำ ซึ่งสามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงก๊าซ, เชื้อเพลิงน้ำมัน, เชื้อเพลิงถ่านหิน และเชื้อเพลิงชีวมวล
การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้เพื่อขยายกำลังการผลิต ลงทุนการพัฒนาโปรแกรมคำนวณและออกแบบ ขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานสำหรับปี 2559 เท่ากับ 1.62 บาท แนะนำ “ซื้อ”
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
– เครื่องกำเนิดไอน้ำเป็นหัวใจสำคัญของทุกโรงงาน: ในอุตสาหกรรมต่างๆ จะใช้ไอน้ำเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร-ใช้นึ่งและกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ อุตสาหกรรมยา-ใช้ผสมยา อุตสาหกรรมรถยนต์-ใช้ทำสีและอบสี และอุตสาหกรรมโรงแรมและโรงพยาบาล-ใช้ทำน้ำร้อน ซักรีด และกระบวนการฆ่าเชื้อ ดังนั้นเครื่องกำเนิดไอน้ำจึงมีความต้องการจากทุกๆ อุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้นำในการผลิตและติดตั้งเครื่องกำเนิดไอน้ำคุณภาพสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยให้บริการตั้งแต่ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง และบำรุงรักษา ซึ่งรายได้จากการออกแบบ ผลิต และติดตั้งคิดเป็น 85% ของรายได้รวม และรายได้จากการบำรุงรักษาคิดเป็นรายได้ 15% ของรายได้รวม
– รายได้ปี 58 ลดลงเล็กน้อยแต่จะกลับมาเติบโตในปี 59 กว่า 22%: รายได้ปี 58 ปรับตัวลง 4% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่เราคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปี 2559 กว่า 22% เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจปี 59 จะกลับมาขยายตัวทำให้บริษัทได้รับคำสั่งผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้สามารถให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฝ่ายวิจัยคาดรายได้รวมปี 2559 จะเติบโตราว 22% จากปี 58 สู่ระดับ 1.15 พันล้านบาท และในอนาคตบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของรายได้รวมหลังมีการขยายสาขาเพิ่มเติม
– คาดกำไรปี 59-60 เติบโตเฉลี่ย 18%: ตามที่บริษัทมีแผนขยายสาขาเพื่อให้บริการบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไอน้ำทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจบำรุงรักษาสูงกว่าธุรกิจออกแบบ ผลิต และติดตั้ง ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นรวมราว 21% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 และ 2560 อยู่ที่ 85 และ 99 ล้านบาทตามลำดับซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี
– แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 1.62 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PEG Ratio ที่ระดับ 1 เท่าด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 18% ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อให้สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของการขยายสาขาและสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบำรุงรักษา ประเมินราคาเหมาะสมปี 2559 ที่กำไรต่อหุ้น 0.09 บาทได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.62 บาท ซึ่งสูงกว่าราคา IPO จึงแนะนำ “ซื้อ”