SYNEX:ได้ผลดีจากสินค้า IT ต่อเนื่องกูรูแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6.56 บาท
SYNEX คงคำแนะนำซื้อโดยให้ราคาพื้นฐาน 6.56 บาท โดยใช้ P/E ปี 2559 ที่ 12.5 เท่า บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากสินค้า IT ที่เข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ และรวมถึงโอกาสในการขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่ม
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (31 มี.ค.) ว่า บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX บริษัทประเมินรายได้ปี 2559 เติบโต 8% ที่ 23,000 ล้านบาท โดยในโมเดลเรายังประเมินแบบอนุรักษ์นิยมไว้ก่อนว่ารายได้จะเติบโต 6% มาอยู่ที่ 22,758 ล้านบาท ต่ำกว่าที่บริษัทประเมินไว้
อย่างไรก็ตามคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นได้จากปีก่อนที่ 4.98% ประเมินในปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 5.02% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ไตรมาส 1ยังไม่รับรู้ผลบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นได้เต็มที่ โดยอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีที่ประเมินไว้นี้ ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา ที่ปี 2556 อยู่ที่ 5.08% ปี 2555 อยู่ที่ 5.09% และ ปี 2554 อยู่ที่ 5.52% โดยประเมินว่าการเติบโตของกำไรสุทธิปีนี้ยังคงเติบโต 15%
การเติบโตของยอดขายโทรศัพท์สมาร์ทโฟน คาดว่าจะยังเติบโตได้โดดเด่นจากปี 58 ที่เติบโตได้ 36% คาดว่าปีนี้จะยังคงเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก 3G เป็น 4G ที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยยอดขายของสมาร์ทโฟนในระดับกลาง-ล่างยังเติบโตดี จากข้อมูลของ IDC พบว่าส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสสุดท้ายของปี 58 ทั่วโลกพบว่า Samsung เติบโต 14% Lenovo เติบโต 43.60% ในขณะที่ Huawei เติบโต 37% ในขณะที่ Apple เติบโตเพียง 0.4%ส่วนแบ่งตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตมาจากทางฝั่ง android ยังเป็นบวกต่อบริษัทโดยตรง โดยเฉพาะ Huawei ที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายหลัก
นอกจากนี้ในส่วนของ Commercial Products ทาง Huawei ยังจะเข้ามาในตลาดนี้เพิ่มขึ้น โดยรวมเป็นบวกต่อบริษัทและเป็นปัจจัยหลักที่หนุนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่ปกติแล้วสินค้า Commercial Products จะมีอัตรากำไรที่สูงกว่า ส่วนยอดขายในกัมภูชาและพม่า คาดว่ายังเติบโตมากกว่า 30% จากฐานยอดขายที่ไม่สูง โดยรวมการเติบโตทั้งจากต่างประเทศและสินค้า Commercial ยังเป็นปัจจัยหนุนกำไรได้ในปีนี้
คงคำแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 6.56 บาท โดยใช้ P/E ปี 2559 ที่ 12.5 เท่า บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากสินค้า IT ที่เข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ และรวมถึงโอกาสในการขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่ม