TPIPL: กำไรปี 59 เติบโตก้าวกระโดดเล็งนำ TPIPP เข้าตลาดในช่วง 4Q59
TPIPL คาดกำไรสุทธิปี 59 เติบโตแกร่งจากธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าภายใต้ชื่อ บริษัท ทีพีไอโพลีน พาวเวอร์ (TPIPP) มีกำลังการผลิต 73 MW (โรงไฟฟ้าขยะ 55 MW และโรงไฟฟ้าความร้อนทิ้ง 18 MW) ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าจะทำกำไรได้ราว 1.2 พันล้านบาทในปี 59 (โรงไฟฟ้า 55 MW เริ่มเดินเครื่องในเดือนก.ย.58)
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (31 มี.ค.) ว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ปี 57-58 ธุรกิจซีเมนต์และคอนกรีตแข่งขันด้านราคารุนแรงมาก ทำให้ผลประกอบการในส่วนธุรกิจนี้ไม่สดใสนัก ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นที่รวมรายได้ขนส่งเฉลี่ยของปี 57-58 อยู่ที่ประมาณ 20% และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรขั้นต้นที่หักค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) เท่ากับ 2.4% และ 1.5% ตามลำดับ ซึ่งต่ำมาก
ในขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่งเริ่มเดินเครื่องในช่วงครึ่งหลังปี 58 จึงทำรายได้และกำไรไม่ได้มากนัก นอกจากนั้นบริษัทมีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 1.0 พันล้านบาทในปี 58 จาก 461 ล้านบาทในปี 57 เพราะมีการกู้ยืมเพื่อใช้ลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้า ประกอบกับปี 58 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงสู่ 107 ล้านบาทจาก 761 ล้านบาทในปี 57 ปัจจัยเหล่านี้ทำให้กำไรสุทธิปี 58 ลดลงเป็น 364 ล้านบาทจาก 1.36 พันล้านบาทในปี 57
โครงสร้างรายได้และผลดำเนินงานรายธุรกิจของปี 58 ทั้งนี้รายได้บริษัทประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 67%, ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 25%, พลังงานและสาธารณูปโภค 7% และการเกษตร 1% โดยในส่วนงานวัสดุก่อสร้างและการเกษตรขาดทุน 617 และ 119 ล้านบาท แต่มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมี & เคมีภัณฑ์ และธุรกิจพลังงาน & สาธารณูปโภค 262 และ 379 ล้านบาท รวมทั้งกำไรระหว่างส่วนงานอีก 393 ล้านบาทมาช่วยทำให้มีกำไรก่อนภาษี 296 ล้านบาท เมื่อบวกด้วยการกลับรายการภาษีเป็นรายได้ 68 ล้านบาทและปรับด้วยรายการส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมจึงมีกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้าย 364 ล้านบาทในปีก่อน
คาดกำไรสุทธิปี 59 เติบโตแกร่งจากธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าภายใต้ชื่อ บริษัท ทีพีไอโพลีน พาวเวอร์ (TPIPP) มีกำลังการผลิต 73 MW (โรงไฟฟ้าขยะ 55 MW และโรงไฟฟ้าความร้อนทิ้ง 18 MW) ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าจะทำกำไรได้ราว 1.2 พันล้านบาทในปี 59 (โรงไฟฟ้า 55 MW เริ่มเดินเครื่องในเดือนก.ย.58) สำหรับกำลังการผลิตใหม่ของโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 จำนวน 4.5 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะทยอยเข้าสู่ตลาดในปี 59 ซึ่งบริษัทก็ต้องใช้แผนกลยุทธ์เรื่องลดราคาเข้าช่วยผลักดันยอดขายในประเทศ และเร่งผลักดันการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านใน CLMV ให้มากขึ้น คาดการณ์ว่าอัตรากำไรสุทธิของธุรกิจปูนซีเมนต์จะยังต่ำมาก สำหรับธุรกิจหลังคาไฟเบอร์และคอนกรีตคาดว่าจะขาดทุนต่อในปีนี้ ในเบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ไว้ที่ 1.6 พันล้านบาท คิดเป็น EPS : 0.08 บาท/หุ้น เพิ่มกว่า 4 เท่าตัวจากปีก่อน
ประมาณการ BVS ณ สิ้นปี 59 ไว้ที่ 2.83 บาท/หุ้น แต่ถ้าหักความเสี่ยงที่จากกรณีฟ้องร้อง 4 พันล้านบาท (บริษัทถูกฟ้องร้องจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรมว่าทำเหมืองแร่นอกเขตประทานบัตร และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนทุนทรัพย์ 4,067 ล้านบาท) จะได้ Adjusted BVS เท่ากับ 2.63 บาท/หุ้น ซึ่งหากให้ P/Adj.BV 1.2 เท่า พบว่าจะได้ราคาเป้าหมาย 3.16 บาท
บริษัทมีแผนนำ TPIPP เข้าจดทะเบียนในตลาดช่วงไตรมาส4/59 โดยจะให้สิทธิผู้ถือหุ้น TPIPL จองซื้อ TPIPP ได้ไม่เกิน 5% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)