TMT:คาดกำไรสุทธิ 1Q59 แข็งแกร่งแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 11.80 บาท

TMT ราคาเหล็กในไตรมาส 1/59 ฟื้นตัวและดีกว่าตลาดโลกแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 11.8 บาท


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (1 ม.ย.) ว่า  บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT ราคาเหล็กในไตรมาส 1/59 ฟื้นตัวและดีกว่าตลาดโลก ราคาขายของ TMT ในเดือนม.ค.-ก.พ.59 ขยับขึ้นเป็น 17.89 และ 18.85 บาท/กก. จาก 17.63 บาท/กก.ในเดือนธ.ค.58 ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของราคาวัตถุดิบ HRC ทั้งนี้อุปทาน HRC อยู่ในช่วงตึงตัวหลังจาก SSI ผลิตได้น้อยลงและผู้ค้าและดีลเลอร์มีสต็อกเหลือน้อยมาก และผู้นำเข้าชะลอการนำเข้าลงเนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปเรื่องอัตราการเรียกเก็บ Anti-dumping duty จึงชะลอการนำเข้าเหล็กจากตุรกี บราซิล อิหร่าน อุปทานก็ลดน้อยลงไปอีก

ปริมาณขายในเดือนม.ค.-ก.พ.59 เฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่นตัน/เดือน เติบโตราว 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 3%เทียบไตรมาสก่อนหน้าโดยกลุ่มที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากเป็นดีลเลอร์และโมเดอร์นเทรด ซึ่งกลุ่มนี้คิดเป็น 45% ของยอดขาย, กลุ่มโครงสร้างเหล็กดีขึ้น เพราะลูกค้าของบริษัทได้รับงานใหญ่, ลูกค้ากลุ่มโทรคมนาคมยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องแต่ไม่ถึงกับเติบโตมาก (ทรงตัวใกล้ปี 2558) สำหรับเดือนมี.ค.59 ในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่น้อยกว่า 5 หมื่นตันเช่นกัน

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเลขสองหลัก ประมาณการไว้ที่ 11.3% เนื่องจากราคาขายเพิ่มขึ้นและบริษัทมีสต็อกวัตถุดิบต้นทุนต่ำมาขายในช่วง 2 เดือนแรก (อัตรากำไรขั้นต้นใน ไตรมาส1/58 เท่ากับ 6.1% และ ไตรมาส4/58เท่ากับ 7.7%) และปริมาณขายเพิ่มขึ้นด้วย คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q59 เติบโตแข็งกร่งเป็นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 141 ล้านบาท (ไตรมาส 1/58 และ ไตรมาส 4/58มีกำไรสุทธิ 70 และ 64 ล้านบาท ตามลำดับ)

แนวโน้มที่เหลือของปีนี้ยังไปได้ดี แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 4/59 อาจจะอ่อนลงจากไตรมาส1/59 ที่ดีกว่าภาวะปกติ แต่ก็จะยังอยู่เกณฑ์ดี 7-8% เพราะคาดว่าราคาเหล็กในประเทศในปีนี้จะมีความเสี่ยงขาลงน้อย ขณะที่โอกาสปรับขึ้นมีมากกว่าจากอุปทานวัตถุดิบ HRC ที่ตึงตัว นอกจากนั้นบริษัทยังขยายส่วนแบ่งการตลาดได้ดี จากการให้บริการเหล็กครบวงจร ที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจของลูกค้าในปัจจุบันที่ไม่ต้องการมีสินค้าคงคลังมาก ต้องการสินค้าที่สำเร็จรูปใช้ในหน้างานได้ทันที มีการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้อย่างครบวงจ ซึ่ง TMT สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ดี ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และเป็นยอดขายที่มีเสถียรภาพในระยะยาวด้วย เราประเมินว่าการให้บริการที่เป็น Solution ครบวงจรแบบที่ TMT ทำไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจะยังไม่มีคู่แข่งขันที่เทียบเคียงเข้ามาในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้

แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 11.80 บาท อิงกับ P/E ปี 2559 ที่ 13 เท่า ทั้งนี้ประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะขยายตัวได้ 23% เป็น 394 ล้านบาท หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาส 1/59 บริษัทจ่ายปันผลดีมาก คาดการณ์ของปี 2559 ไว้ที่ 0.75 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 7.8%

Back to top button