SEAFCO:ปี 59-60 กลับมาฟื้นตัวแนะซื้อเป้า 10 บ. มีอัพไซด์ 12%
SEAFCOคาดกำไรหลักปี 59 และ 60 จะกลับมาฟื้นตัวได้ 23% และ 11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับเป็น 10.00 บาท หลังปรับประมาณการดีขึ้น และใช้ Forward P/E ปี 59 ที่ 17 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีก 12% ผนวกกับปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี จุดแข็งเป็นผู้นำตลาด ฐานะการเงินดี มีเงินกู้น้อย
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 เม.ย.) ว่า บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO คาดว่ากำไรหลักจะกลับมาฟื้นตัวในปีนี้และปีหน้า คิดเป็นอัตราการเติบโต 23% และ 11% เทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ หลังจากได้มีการปรับประมาณการปี 59 และ 60 เพิ่มขึ้นในอัตรา 5% และ 9% ตามลำดับ สมมุติฐานที่ดีขึ้นคือ อัตรากำไรขั้นต้น คือ ปี 59 และ 60 เป็น 17.5% และ 18% ตามลำดับ จากเดิมที่ 17% ทั้งสองปี สืบเนื่องจากคาดว่าในช่วง 2H59 บริษัทมีโอกาสจะได้รับงานรับเหมาช่วงเกี่ยวกับงานฐานราก เสาเข็มเจาะ เมื่อมีการเปิดประมูลงานภาครัฐเป็นจำนวนมาก และมีขนาดใหญ่ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ และสุวรรณภูมิ เฟส 2 เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 60 จะดีขึ้นกว่าปี 59 เพราะมีงานเมกะโปรเจ็กต์หลายงาน กว่าจะไปทำจริงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นปี 60 มากกว่า
ครึ่งแรกปีนี้ทำงานภาคเอกชนไปก่อน ระหว่างรองานจากภาครัฐ ก็จะเน้นไปทำงานภาคเอกชน และปรากฎว่าก็ยังมีงานภาคเอกชนมากพอที่จะทำได้เต็มกำลังการผลิต ทำให้งานก่อสร้างในมือ (Backlog) ยังมากกว่า 1 พันล้านบาท และเนื่องจากงานฐานรากเป็นงานที่เสร็จในเวลาอันสั้น ประมาณ 2-3 เดือน จึงมีความยืดหยุ่นสูงที่จะเปลี่ยนไปรับงานภาครัฐได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ อย่างไรก็ตามจะต้องรอให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ได้งานเสียก่อน แล้งจึงจะจ้างผู้รับเหมาช่วง (sub contract) งานฐานราก เสาเข็มเจาะ เพราะเป็นงานเพียงส่วนหนึ่งของโครงการ โดยเฉพาะบริษัทมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ CK หาก CK ได้งานใด ส่วนใหญ่ก็จะให้ SEAFCO ทำงานฐานราก
รถไฟทางคู่ เป็นโอกาสที่ดี แต่เดิมเข้าใจว่าโครงการนี้จำเป็นจะต้องใช้ในส่วนเฉพาะที่มีการยกระดับ เช่นในส่วน จิระ-ขอนแก่นที่ CK รับเป็นผู้รับเหมาหลัก ทาง SEAFCO ก็มีโอกาสสูงจะได้งานไป ประเมินเบื้องต้นว่ามูลค่างานเป็น 400 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงโครงการในส่วนแนวราบก็จำเป็นต้องใช้เสาเข็มเช่นกัน เพราะสภาพดินที่อ่อน ทำให้จำเป็นที่รางรถไฟฟ้าจะมั่นคงได้ต้องใช้เสาเข็มมาเป็นตัวช่วย เราเห็นว่าจึงยังมีโอกาสสำหรับผู้รับเหมาฐานราก เสาเข็มที่ดี สำหรับรถไฟทางคู่เส้นต่างๆ ที่ต้องติดตามดูว่าความต้องการเสาเข็มจะมากแค่ไหน เช่น ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย และเส้นทางภาคใต้ เช่น นครปฐม-หัวหิน หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบฯ-ชุมพร เป็นต้น ยังมีความคืบหน้ารถไฟทางคู่สายอื่นๆ ก็มีความคืบหน้า เช่น บ้านไผ่-นครพนม และ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ส่วนงานขนาดใหญ่อื่นๆที่เข้าร่วมได้อยู่แล้วคือ รถไฟฟ้า สุวรรณภูมิ เฟส 2 และมอเตอร์เวย์
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับเป็น 10.00 บาท หลังปรับประมาณการดีขึ้น ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และใช้ Forward P/E ปี 59 ที่ 17 เท่า เดิมทีเราใช้ที่ 15 เท่า และคิดเป็น PEG ปี 59 ที่ 0.7 เท่า แต่เห็นว่าเมื่อเริ่มมีการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลาดฯจะยอมให้ส่วนเพิ่มกับหลักทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีก 12% ผนวกกับปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปีนี้และปีหน้าเป็น 3.1% และ 3.4% ตามลำดับ จุดแข็งของบริษัทคือเป็นผู้นำตลาดธุรกิจฐานราก ด้วยส่วนครองตลาด 30-40% ฐานะการเงินดี มีเงินกู้น้อย คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนปลายปีนี้เป็นเพียง 0.1 เท่า และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ปี 59 สูงเป็น 17.4%