SCC:กำไร 1Q59 แกร่งเกินคาดแนะซื้อราคาเป้าหมาย 580 บาท
SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เติบโต 23% เทียบช่วงเดียวกนของปีก่อนและ 19% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 13.6 พันล้านบาท ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ หนุนโดย Spread ของปิโตรเคมีที่สูงกว่าคาด
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (29 เม.ย.) ว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เติบโต 23% เทียบช่วงเดียวกนของปีก่อนและ 19% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 13.6 พันล้านบาท ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ หนุนโดย Spread ของปิโตรเคมีที่สูงกว่าคาด สำหรับกำไร ไตรมาส 1/59คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 59 ของเรา
กำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีแข็งกร่ง โดยคิดเป็น 67% ของกำไรสุทธิในไตรมาส 1/59 แต่รายได้คิดเป็น 43% ของรายได้รวม โดย EBITDA Margin ของธุรกิจนี้เพิ่มเป็น 24% ใน ไตรมาส 1/59 จาก 21% ในไตรมาส 4/58 (แต่ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดใน 2Q58 ที่ 25%) โดย Spread ของ HDPE และ PP เพิ่มขึ้น 6.7%เทียบไตรมาสก่อนหน้าจากราคา Naphtha ซึ่งเป็นต้นทุนนั้นลดลงขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ยังแข็งแกร่งจากอุปสงค์สูง ปริมาณขายเพิ่ม 4%เทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็น 4.91 แสนตันใน ไตรมาส 1/59 บริษัทมีบันทึกขาดทุนในสต็อกราว 300 ล้านบาท ผู้บริหารกล่าวว่ายังไม่มีสัญญาณว่าอุปสงค์จะอ่อนแอลง ยกเว้นในจีน
โครงการลงทุนภาครัฐหนุนปริมาณการใช้ซีเมนต์ รายได้จากธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างเติบโต 7.5%เทียบไตรมาสก่อนหน้าส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยฤดูกาล โดยความต้องการใช้ซีเมนต์ของโครงการรัฐเพิ่มขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างในชนบท) แต่ในส่วนของภาคที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ลดลง 3%เทียบช่วงเดียวกนของปีก่อนสำหรับยอดขายส่งออกยังไปได้ดี โดยเฉพาะที่กัมพูชาและเวียดนาม สำหรับ EBITDA Margin เพิ่มเป็น 15% ใน ไตรมาส 1/59 จาก 12% ในไตรมาส 4/58 ทั้งที่การแข่งขันยังรุนแรง แต่การส่งออกเป็นสัดส่วนน้อยลงเพราะโรงงานปูนซีเมนต์ในต่างประเทศของ SCC ผลิตได้มากขึ้น (โรงงานซีเมนต์ในอินโดนีเซียเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่พ.ย.58)
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทำกำไรดีขึ้น แม้รายได้จากธุรกิจกระดาษจะคิดเป็นเพียง 17% ของรายได้รวม แต่ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กำไรจากธุรกิจนี้เพิ่ม 99%เทียบช่วงเดียวกนของปีก่อนและ 82%เทียบไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากปริมาณขายสูงขึ้น และ EBITDA Margin เพิ่มขึ้นเป็น 17% ใน ไตรมาส 1/59สำหรับกำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์คิดเป็น 9% ของกำไรสุทธิรวม
แนวโน้มไตรมาส 2/59 คาดว่า Spread ของธุรกิจปิโตรเคมียังคงแข็งแกร่ง ปัจจัยหนุน คือราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ซึ่งผู้บริหารมองว่า SCC ได้เปรียบในระดับราคาน้ำมันระดับปัจจุบันเพราะต้นทุนวัตถุดิบจะต่ำกว่าคู่แข่งขณะที่อุปสงค์ยังแข็งแกร่งต่อในไตรมาส 2/59 นอกจากนั้นโครงการลงทุนภาครัฐก็เดินหน้าดี อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังคงอ่อนแอเพราะรายได้ภาคเกษตรซบเซา อย่างไรก็ดี ส่วนหนึ่งได้รับการชดเชยจากผลประกอบการในต่างประเทศที่ดีขึ้น ผู้บริหารยืนยันว่าการเติบโตของธุรกิจซีเมนต์ในปี 59 ยังคงอยู่ที่ 3-5%
แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 580 บาท (วิธี DCF) โดยความเสี่ยงหลัก คือ เศรษฐกิจไทยที่ซบเซากว่าคาด ซึ่งจะกระทบการเติบโตของอุปสงค์ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ความผันผวนของราคาน้ำมันที่จะกระทบ Spread ของปิโตรเคมี และการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของลูกค้า