VNG:แนวโน้มกำไร 2H59 แข็งแกร่งแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 15.3 บาท

VNG แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 15.30 บาท อิงกับ P/E ปี 59 ที่ 15 เท่า และคาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 4% ทั้งนี้กำไรสุทธิ ไตรมาส 1/59 คิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปี 59 ของเรา แต่แนวโน้มกำไร 2H59 จะแข็งแกร่งมากขึ้น จึงคงประมาณการกำไรของปีนี้ไว้เท่าเดิมที่ 1.6 พันล้านบาท (+12%YoY) ความเสี่ยงหลัก คือ การแข่งขันในตลาดตะวันออกกลางที่รุนแรงกว่าคาด


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (17 พ.ค.) ว่าบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือVNG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เท่ากับ 319 ล้านบาท เติบโต 18%YoY และ 16%เทียบไตรมาสก่อนหน้าดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ แต่ต่ำกว่าที่เราคาดเล็กน้อย โดยยอดขายไตรมาสนี้เติบโต 2% และทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าซึ่งดีกว่าที่เราประมาณการไว้ บ่งชี้ว่าปัญหาเรื่องการชำระเงินค่า MDF Board ไปส่งออกไปอิหร่านไม่ได้รุนแรงมาก และการให้ซื้อด้วยเงินสดก็เป็นไปได้ดีพอควร (บริษัทส่งออก MDF Board ไปตะวันออกกลาง 60% ของทั้งหมด) ปริมาณขาย Particle board ใน ไตรมาส 1/59 ยังต่ำเพราะเป็นช่วงปิดสายการผลิตเพื่อเปลี่ยนไปเป็น MDF board ซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ก.ย.58 และจะแล้วเสร็จใน 2Q59

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 27.7% ใน ไตรมาส 1/59 จาก 26.2% ในไตรมาส 4/58และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 1%เทียบไตรมาสก่อนหน้าทั้งนี้เพราะในไตรมาส 4/58 มีการบันทึกค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและโบนัสเข้ามา 130 ล้านบาท โดย 110 ล้านบาทอยู่ในต้นทุนขายเพราะเป็นค่าแรงงาน และอีก 20 ล้านบาทอยู่ใน SG&A แต่ถ้าไม่รวมรายการนี้พบว่า อัตรากำไรขั้นต้นใน ไตรมาส 1/59 ลดลง 279bps เพราะราคาขาย MDF และ Particle board ลดลงราว 10%เทียบไตรมาสก่อนหน้าจากการแข่งขันในตลาดตะวันออกกลางสูงขึ้น

คาดว่ากำไรไตรมาส 3/59 จะเพิ่มขึ้นและดีที่สุดในปีนี้ เนื่องจากมีกำลังการผลิต MDF board เพิ่มขึ้นอีก 3 แสนลบม.ต่อปี ซึ่งมาจากการเปลี่ยนสายการผลิต Particle board ทั้งนี้โดยปกติแล้วอัตรากำไรขั้นต้นของ MDF จะสูงกว่า Particle ราว 10% ขณะเดียวกัน 3Q เป็นช่วง High season ของการส่งออกด้วย

แนวโน้มระยะยาวไปได้ดี โดยปัจจัยหนุนการเติบโตของกำไรในปี 59 คือ ต้นทุนการผลิตลดลงและในครึ่งหลังปี59 มียอดขายของ MDF board จากการเปลี่ยนสายการผลิตเข้ามาเต็มที่ รวมทั้งยอดขาย Laminate flooring จะเพิ่มขึ้นได้ราว 60% หลังมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 10 ล้านตรม.และทยอยผลิตเพิ่ม โดยผลิตภัณฑ์นี้ขายในประเทศ 70% และส่งออก 30% ส่วนปัจจัยหนุนปี 60 คือ กำลังการผลิต Particle และ MDF board มากขึ้นจากการขยายจุดที่เป็นคอขวด ผลิตและขาย Laminate flooring เพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการแผ่นพื้นไม้จริงเข้ามาช่วยเสริมในไตรมาส 2/59 รวมทั้งยอดขายของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำอื่นที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง (ส่วนนี้มีตลาดหลักอยู่ในประเทศและมีคู่แข่งขันน้อย)

โครงการลงทุนในอนาคต ที่สำคัญ คือ 1) โครงการก่อสร้างโรงงาน MDF board ชนิดบาง กำลังการผลิต 2 แสนลบม.ต่อปี ใช้เงินลงทุน 2.5 พันล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันความต้องการใช้ MDF board ชนิดบางสูงขึ้นและให้มาร์จิ้นที่ดีกว่าแบบพื้นฐาน คาดว่าโครงการนี้จะได้ข้อสรุปภายในปี 59 และ 2) โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุดิบในโรงงานที่สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้ 16-17 MW จึงมีความสนใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูนโยบายและกฎเกณฑ์ภาครัฐที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทนก่อน สำหรับเงินลงทุน หากเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 9.9MW จะใช้เงินลงทุนราว 70-80 ล้านบาท/MW แต่ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 20-30MW จะใช้เงินลงทุน 50-60 ล้านบาท/MW ซึ่งบริษัทสนใจที่จะทำขนาด 20-30MW มากกว่าถ้ากฎเกณฑ์ภาครัฐเกื้อหนุน

แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 15.30 บาท อิงกับ P/E ปี 59 ที่ 15 เท่า และคาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 4% ทั้งนี้กำไรสุทธิ ไตรมาส 1/59 คิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปี 59 ของเรา แต่แนวโน้มกำไร 2H59 จะแข็งแกร่งมากขึ้น จึงคงประมาณการกำไรของปีนี้ไว้เท่าเดิมที่ 1.6 พันล้านบาท (+12%YoY) ความเสี่ยงหลัก คือ การแข่งขันในตลาดตะวันออกกลางที่รุนแรงกว่าคาด

 

Back to top button