CENTEL:ธุรกิจโรงแรมยังไปได้ดีแนะซื้อเป้า45 บ. ชู upside 15%
CENTEL สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังเป็นบวกกับธุรกิจโรงแรม เพราะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยอย่างคึกคักเป็นหลัก แม้จะเข้าสู่ฤดูกาลที่อ่อนคือ ไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวอาเซียนที่เดินทางมาไทยกันเป็นจำนวนมากก็หนุนนำให้ธุรกิจโรงแรมยังไปได้ดีแนะซื้อเป้า45 บ. ชู upside 15%
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังเป็นบวกกับธุรกิจโรงแรม เพราะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยอย่างคึกคักเป็นหลัก แม้จะเข้าสู่ฤดูกาลที่อ่อนคือ ไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวอาเซียนที่เดินทางมาไทยกันเป็นจำนวนมากก็หนุนนำให้ธุรกิจโรงแรมยังไปได้ดี
ในช่วงสามปีข้างหน้าสำหรับธุรกิจโรงแรมของ CENTEL จะมีแรงหนุนการเติบโตจากภายในบริษัทเอง (Organic Growth) จากโรงแรมที่ มัลดีฟส์ หลังได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยคาดว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จะเห็นผลชัดในปี 61-62 เมื่อโรงแรมของบริษัทเองได้เปิดดำเนินการ นั่นคือ 2 โรงแรมที่มัลดีฟส์ และ 2 โรงแรม แบรนด์ COSI ในไทย
นอกจากการขยายโรงแรมของตนเอง 4 แห่ง อันเป็นไปตามแผนแล้ว ก็มีเป้าหมายที่จะทำสัญญารับจ้างบริหารให้ได้ 8-10 สัญญาต่อปี ปัจจุบันได้รับแล้ว 17 สัญญาที่จะเริ่มเปิดระหว่างปี 59-62 ข้อดีของการทำสัญญา ไปบริหารต่างประเทศคือ บริษัทยังไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะออกไปจริงๆ เพียงแต่รับบริหารเท่านั้น ปัจจุบันประเทศที่ไปรับจ้างคือ อินโดนีเซีย ลาว ศรีลังกา โดฮา โอมาน คิวบา และ จีน
ด้านธุรกิจอาหาร เรื่องการขยายสาขางวดปี 59 ได้มีการตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ่น 4% (เปิดแล้ว 63 สาขา แต่ได้ทำการปิด 28-30 สาขาที่ไม่กำไร) แม้อัตราเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) นั้นได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่อัตรากำไรกลับทำได้ดี สืบเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารและต้นทุนสาธารณูปโภคที่ลดต่ำลง
ทางผู้บริหารได้เผยว่ากำลังผลักดันให้มีการซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ในธุรกิจอาหาร มูลค่าดีลคาดว่าประมาณ 500-1, 000 ล้านบาท IRR ก่อนภาษีควรจะเกิน 15% ทั้งนี้แบรนด์ก็ควรจะเป็นที่รู้จัก อาจจะเป็นยุโรปหรือเอเซีย แต่จะไม่ใช่แบรนด์ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอยู่พอควรแล้ว
การขยายธุรกิจอาหารไปสู่ต่างประเทศเป็นอีกหนึ่งในแผน โดยเฉพาะประเทศ เวียดนาม เพราะทางกลุ่มได้มีธุรกิจในประเทศนี้แล้ว สำหรับแบรนด์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ (franchisee) จึงมีสิทธิ์ลำดับแรกที่จะขยายไปในภูมิภาคแถบนี้ได้ก่อน
สำหรับแนวทางในปี 59 คือ อัตราการเข้าพัก (occupancy rate) 81-82% และรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) เพิ่ม 4-5% อีกทั้ง SSSG อาหาร- อยู่ในเกณฑ์เพียงทรงตัว และเป้าการขยายสาขาของอาหารเพิ่ม 4%
คงคำแนะนำ ซื้อ นับได้ว่า CENTEL เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการโรงแรมที่ได้ประโยชน์การท่องเที่ยวไทยได้อย่างเต็มที่ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 45.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 15%