BJC:ขึ้นแท่นอันดับ 3 ของอาเซียนแนะซื้อราคาเป้าหมาย 46.50 บาท

การเข้าซื้อ BIGC ส่งผลให้ BJC ขึ้นแท่นเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่อันดับสามในอาเซียนและเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกเพียงไม่กี่รายในภูมิภาคที่มีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกหลายหลายรูปแบบรวมถึงออนไลน์ แผนการขยายธุรกิจค้าปลีกเชิงรุกทั้งในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งแผนการเข้าซื้อ MM Mega Market (เดิมคือ Metro Vietnam) อาจจะช่วยผลักดันให้บริษัทขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้ เราปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ 46.5 บาท จาก 45 บาท ตามการปรับประมาณการกำไรจากเร่งการขยายสาขาของ BIGC เรายังคงแนะนำ "ซื้อ"


บล.บัวหลวงระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 มิ.ย.) ว่า บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เป็นไปตามคาด BJC ให้ไฟเขียว BIGC ในการเร่งขยายสาขา โดย BIGC ตั้งเป้าขยายไฮเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้น 10 สาขา BigC Market เพิ่มขึ้น 10 สาขา และ Mini BigC เพิ่มขึ้น 200 สาขาในปี 2560 เทียบกับจำนวนไฮเปอร์มาร์เก็ต 6 สาขา BigC Market 3 สาขา และ Mini BigC 70 สาขาในปีนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้ยืนยันว่าการขยายตัวจะอยู่ในอัตรานี้ต่อเนื่องหรือไม่ เราจึงให้สมมติฐานว่าจะมีการเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต 10 สาขาในปี 2560 และจะลดลงมาเหลือ 5 สาขาในปีต่อๆไป

ส่วนการขยายสาขาของ BigC Market และ Mini BigC เราประเมินอัตราการขยายสาขาคงที่ 10 สาขาและ 100 สาขาต่อปีตามลำดับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2560-62 ขึ้น  2% 4% และ 5% ตามลำดับ

มองว่าการที่ BJC เข้าซื้อกิจการของ BIGC เป็นการควบรวมที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตและการกระจายสินค้าขั้นกลาง (BJC) ไปจนถึงการจำหน่ายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค (BIGC) โดย BJC ตั้งเป้าผลประโยชน์จากการควบรวมจะสามารถเพิ่ม EBITDA ได้ถึง 1.7 พันล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี จากการร่วมมือกันระหว่างแพลตฟอร์มการค้าปลีกที่แข็งแกร่งของ BIGC และ สินค้า กำลังการผลิตสินค้า รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ของ BJC

ทั้งนี้ BJC คาดว่าจะผลิตสินค้าเฮาส์แบรนด์ป้อนให้แก่ BIGC ได้มากขึ้น รวมถึงการขายแบบ cross-sales ของกลุ่มสินค้าในเครือ BJC ไปยังทุกๆ outlets ของ BIGC รวมถึงร้านขายยา Pure ในขณะที่การควบรวมงานด้านโลจิสติกส์และระบบ IT น่าจะสามารถลดต้นทุนลงได้อย่างมหาศาล และนอกเหนือจากนั้น ความชำนาญทางด้านธุรกิจค้าปลีกของ BIGC น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กในเครือของ BJC อย่าง B’s mart ในเวียดนาม และ M-point ในลาวได้เป็นอย่างดี

ผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจากการควบรวมกิจการน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีการปรับประมาณการณ์กำไรเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 ไปจนถึงปี 2561 โดยดูเหมือนว่าตลาดยังไม่ได้รวมประโยชน์ดังกล่าวเข้าในประมาณการ เนื่องจากยังคงเป็นการยากที่จะประมาณการมูลค่าเพิ่มที่แท้จริงรวมถึงระยะเวลาที่จะได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว เชื่อว่าตลาดยังคงรอดูแนวโน้มที่ชัดเจนของผลประโยชน์นี้ก่อนที่จะปรับเพิ่มประมาณการณ์ ดังนั้นน่าจะได้เห็นการปรับประมาณการณ์ขึ้นเป็นระยะหลังจากนี้แนะซื้อราคาเป้าหมาย46.5 บาท

Back to top button