SYNTEC:ปรับกำไรปีนี้ขึ้นถึง 33%แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 3.66 บ.

SYNTEC ปรับกำไรหลักเพิ่มขึ้น ปี 59 และปี 60 มากถึง 33% และ 40% ตามลำดับ อีกทั้งการถือหุ้น BEM ต้นทุนต่ำ มีกำไรหลังภาษียังไม่รับรู้ถึง 229 ล้านบาทแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับเพิ่มตามประมาณการที่ 3.66 บาท ด้วย P/E ปี 59 ที่ 10 เท่า มีส่วนเพิ่มอีกถึง 21%


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 ก.ค.) ว่า บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC คาดกำไรหลักไตรมาส 2/59 ดีเหมือนไตรมาส 1/59 ตอนบริษัทประกาศกำไรไตรมาส1/59นั้นเหนือกว่าตลาดฯคาด คือ กำไรหลักเพิ่มถึง 62% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 29% ไตรมาสก่อนหน้าเป็น 152 ล้านบาท จากการสอบถามบริษัท

คาดกำไรไตรมาส 2/59 จะเป็นในลักษณะเดียวกันอีกคือ กำไรหลักเพิ่มถึง 60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 147 ล้านบาท แรงหนุนนำสำคัญมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้สูงเป็น 17.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 13.0% สืบเนื่องจากมีงานก่อสร้างบางโครงการใกล้แล้วเสร็จ เช่น ไปถึง 98-99% แล้ว มีการบันทึกรายได้ปกติ แต่ค่าใช้จ่ายกลับน้อยมาก ขณะเดียวกับสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี อย่างไรก็ตามกำไรหลักไตรมาส 2/59 กลับลดลง 3% ไตรมาสก่อนหน้าอันเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลที่รายได้จะอ่อน สืบเนื่องจากเดือน เม.ย.มีวันหยุดสงกรานต์ยาวนาน

ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 เติบโตน้อยกว่ากำไรหลัก คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 เป็น 134 ล้านบาท เพิ่ม 28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนน้อยกว่ากำไรหลักที่เติบโต 60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าปรับลงถึง 42% ผลพวงจากรายการพิเศษ คาดไตรมาส 2/59 กลับเป็น -13 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ ไตรมาสก่อนหน้าที่ +13 และ +79 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับรายการพิเศษไตรมาสนี้คาดว่าเป็นเรื่องคดีการรับเหมาช่วงมาจาก STEC ในงานการบินไทย โดยการบินไทยได้ฟ้อง SYNTEC ก่อน แต่เดิมตั้งสำรองไว้ ประมาณ 32 ล้านบาท แต่ความเสียหายทั้งหมดรวมดอกเบี้ยเป็นประมาณ 45 ล้านบาท จึงคาดว่าต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 13 ล้านบาท อย่างไรก็ตามทาง SYNTEC จะมีการเรียกร้องความเสียหายกับ STEC ต่อไป

ปรับกำไรหลักปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในอัตรา 33% และ 40% ตามลำดับจากประมาณการเดิม สมมุติฐานที่ดีขึ้นคือ อัตรากำไรขั้นต้นในงวดครึ่งแรกปีนี้ ที่ดีมาก แม้ว่าแนวโน้มครึ่งหลังปีนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม นั่นคือ ปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 และ 60 เพิ่มเป็น 14.5% จากเดิมที่ 12.0% ยังผลให้อัตราการเติบโตของกำไรหลักปี 59 และ 60 เพิ่ม 4%/5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ที่เติบโตไม่มากเป็นเพราะฐานกำไรหลักปี 58 เป็นฐานที่สูง คือสูงสุด (Hi Record) ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา แต่กระนั้นก็ตามกำไรปี 59 และ60 ก็คาดว่าจะเป็นสถิติสูงสุดใหม่

หุ้น BEM ขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีกับ SYNTEC ทั้งนี้บริษัทมีหุ้น BEM อยู่ 75.2 ล้านหุ้น ที่ต้นทุนต่ำเพียง 2.95 บาท ล่าสุด BEM ราคาปิดอยู่ที่ 6.75 บาท ซึ่งต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นมาแล้วที่ 29% หากคิดกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้ (unrealized gain) หลังภาษี พบว่าเป็น 229 ล้านบาท คิดเป็น 0.14 บาทต่อหุ้น SYNTEC และคิดเป็น 5% เทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน ปัจจุบัน SYNTEC ยังไม่มีแผนขายหุ้น BEM ออกไป มีการถือเพื่อลงทุน

ภาวะธุรกิจในปัจจุบัน ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันประมูลงานได้ 3.1 พันล้านบาท ถือว่าน้อยเทียบกับอดีตที่ 8-9 พันล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเปิดประมูลงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่ทีมงานวิศวกรมีความพร้อม เทียบกับต้นปีที่งานแน่น จึงพร้อมรับงานใหม่ได้เพิ่ม ส่วนงานก่อสร้างในมือ (Backlog) ณ สิ้น พ.ค.59 เป็น 10.7 พันล้านบาท ถือเป็นระดับปกติ ด้านการสั่งซื้อเหล็กมีล็อตใหม่ประมาณ 1-2 หมื่นตัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา ดังนั้นหากงานใหม่รวมวัสดุก่อสร้างไว้ด้วยมีโอกาสจะมีกำไรที่ดีมากกว่างานที่คิดเฉพาะค่าแรง เพราะตอนเสนองานใหม่จะคิดราคาเหล็กที่ปัจจุบัน แต่ขณะที่ต้นทุนเหล็กนั้นคงที่ตามการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าแล้ว

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับเพิ่มตามประมาณการที่ 3.66 บาท ด้วย P/E ปี 59 ที่ 10 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 21% ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี ปี 59และปี 60 เป็น 3.6%/3.8% ตามลำดับ จุดเด่นคือ SYNTEC เป็นผู้นำผู้รับเหมาอาคารสูง มีงานในมือ (Backlog) สูง และมีลูกค้าเป็นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยชั้นนำ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนฯอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และใช้งานเป็นประจำ บริษัทกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ที่ให้รายได้ค่าเช่ามีหลายโครงการ มีที่ดินเปล่าต้นทุนต่ำที่เอกมัย-รามอินทราจำนวน 55 ไร่ รวมทั้งมีคดีความที่ฟ้องร้องอยู่ หากชนะจะมีมูลค่าเพิ่มได้อีกมากกว่า 1 พันล้านบาท

Back to top button