ส่องกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี“ตัวท็อป”คัด BCP-PTTGC-IVL เด่นสุดในกลุ่ม
กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 59-61 เป็น 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล (YTD อยู่ที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล) เนื่องจากภาวะอุปทานล้นเกินลดน้อยลง ส่วนระยะยาวให้ไว้ที่ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล และมองว่าที่ระดับราคาน้ำมันระยะยาวดังกล่าวมี Upside มากกว่า Downside คัด BCP-PTTGC-IVL เด่นสุดในกลุ่ม
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 ก.ค.) ว่า ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีของ DBS Group Research ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 59-61 เป็น 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล (YTD อยู่ที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล) เนื่องจากภาวะอุปทานล้นเกินลดน้อยลง ส่วนระยะยาวให้ไว้ที่ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล และมองว่าที่ระดับราคาน้ำมันระยะยาวดังกล่าวมี Upside มากกว่า Downside อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบจะผันผวนและอาจอ่อนตัวลงก่อนเนื่องจากตลาดกังวลผลกระทบจาก Brexit และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่คาดว่ามีโอกาสกลับไปที่ 50+/- ดอลลาร์/บาร์เรลได้ในสิ้นปี 59
ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพลังงานให้เป็น Neutral และแนะนำเลือกซื้อหุ้นที่ Laggard โดยให้ BCP (ราคาพื้นฐาน 39 บาท) เป็นหุ้น Top Pick ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม และหุ้นมี Valuation ที่จูงใจ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นหลังมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนไปแล้วในไตรมาส 1/59 และมีค่าการกลั่นในระดับดี รวมถึงมีกำไรจากสต็อกหลังราคาน้ำมันดิบสิ้นไตรมาส 2/59 ปิดสูงกว่าสิ้นไตรมาสก่อน
ให้น้ำหนัก Overweight กลุ่มปิโตรเคมี โดยมองว่า Spared ของกลุ่มนี้ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หุ้น Top Picks ในกลุ่มนี้เป็น IVL (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) และ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท) ทั้งนี้ประเมินว่าผลประกอบการของ IVL ในไตรมาส 2/59 จะเติบโตได้เมื่อเทียบ เทียบไตรมาสก่อนหน้าหลังปิดซ่อมบำรุงโรงงานที่สหรัฐไปแล้วและกลับมาผลิตเต็มที่ในไตรมาสนี้
ด้านผลกระทบจาก Brexit คาดว่าจะไม่มากเพราะยุโรปเป็นผู้นำเข้าสุทธิในผลิตภัณฑ์ PET และ PTA ขณะเดียวกันโรงงานและลูกค้าก็อยู่ในยุโรปด้วยกัน อย่างไรก็ดี จะมีผลกระทบจากการแปลงรายได้และกำไรจากยูโรเป็นบาท โดยเมื่อบาทแข็งค่าเทียบยูโรก็จะทำให้รายได้และมาร์จิ้นในรูปบาทลดลง
ส่วน PTTGC มี Valuation ที่ไม่แพง ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 60 ต่ำเพียง 8.5 เท่า ขณะที่เฉลี่ยของภูมิภาคอยู่ที่ 13 เท่า และบริษัทจะได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเพราะวัตถุดิบที่ใช้ในโรงงานโอเลฟินส์เป็นก๊าซ สำหรับผลกระทบจากการปิดซ่อมตามแผนและนอกแผนในไตรมาส 2/59 ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นแล้ว (ราคา -9% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา) และผลประกอบการครึ่งหลังปี 59 จะพลิกฟื้นได้เป็นอย่างดี