แรงขายกลุ่มโภคภัณฑ์ฉุด SET ปิดร่วง 9 จุด หลังจีนส่งสัญญาณ ศก.ชะลอตัว
SET ปิดร่วง 9 จุด หลังเผชิญแรงขายกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว พรุ่งนี้ตลาดฯคงจะแกว่งไร้ทิศทางหลังได้ตอบรับการเปิดเมืองไปแล้ว จากนี้รอดูการประชุมเฟดในวันที่ 4 พ.ย.นี้ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 ส่วนกรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด
10 หุ้นกดดัชนีวันนี้
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งรอบนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นไปเกิดจากการขาดแคลน Supply ทำให้รอบนี้มองว่าการปรับตัวขึ้นของกลุ่ม Commodity ไม่ยั่งยืนเพราะไม่ได้เกิดจากความต้องการ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็แกว่งไซด์เวย์ ซึ่งช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะเคลื่อนไหวไปตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯ โดยสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะต้องติดตาม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไร
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.2564) นายสรพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งอย่างไร้ทิศทางหลังจากที่ได้ตอบรับเรื่องการเปิดเมือง (Reopening) ไปแล้ว จากนี้ก็ให้รอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไร โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630 – 1,645 จุด ขณะที่กรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610 – 1,660 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,007.71 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,514.46 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,114.75 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
SPALI มูลค่าการซื้อขาย 1,665.34 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,612.72 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 0.75 บาท