แรงขายบลูชิพกด SET ปิดรูด 38 จุด แวลู่ทะลัก 1.2 แสนลบ. เซ่นโควิดกลายพันธุ์-เงินเฟ้อสหรัฐ
SET ปิดรูด 38 จุด รับแรงกดดันเงินเฟ้อ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับตัวขึ้นเร็ว และโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้ ส่วนสัปดาห์หน้าตลาดฯคงจะซึม โดยมีแนวรับ 1,600 แนวต้าน 1,630 จุด
10 หุ้นกดดัชนีวันนี้
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,610.61 จุด ลดลง 37.85 จุด (-2.30%) มูลค่าการซื้อขาย 123,472.09 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรง เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า หลายตลาดฯก็ปรับตัวลงมาแถว 2% แม้แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงไป 800 จุด ด้านตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ร่วงหนักราว 3% จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในยุโรป ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดค่อนข้างจะเร่งตัวขึ้น และยังมีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มาจากแอฟริกาใต้อีก แม้ปัจจัยเรื่องโควิดจะเป็นปัจจัยลบเดิมๆ แต่ครั้งนี้เป็นสัญญาณที่รุนแรงขึ้น ทำให้ไปกดดันตลาดฯ
นอกจากนี้ตลาดฯยังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องเงินเฟ้อสูง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับตัวขึ้นเร็ว ซึ่งกดดันตลาดฯอยู่แล้ว เมื่อมาเผชิญกับโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้ ก็ทำให้มีแรงขายออกมามากขึ้น ดัชนีหุ้นไทยวันนี้หลุดแนวรับหลายแนว และปรับตัวลงไปกว่า 2% ด้วย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะซึม ๆ โดยมีแนวรับ 1,600 จุด แนวต้าน 1,630 จุด พร้อมให้ติดตาม MSCI Rebalance ในช่วงปลายเดือนนี้ และติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการ ของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ที่จะทยอยประกาศออกมา รวมถึงจับตาสถานกาณณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากที่มีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 6,308.47 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,910.53 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,988.98 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,900.86 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,858.21 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท ลดลง 0.50 บาท