แรงขาย AOT-DELTA กด SET ปิดร่วง 12 จุด สัปดาห์หน้าเสี่ยงลงต่อ

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงช่วงบ่าย จากแรงขายหุ้น AOT ที่กดดันดัชนี จากข้อมูลในการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ ที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ต่ำกว่าคาดและพบว่า ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันกว่าล้านบาท โดยผู้บริหารระบุมาจากการเก็บค่าเช่าพื้นที่จากกลุ่มคิงเพาเวอร์ และรายเล็กที่มีปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ชำระค่าเช่าไม่ได้ ซึ่งจากกรณีกลุ่มคิงเพาเวอร์มีปัญหาสภาพคล่อง อาจจะมีการตั้งสำรองหรือไม่ นักลงทุนตีความว่ากลุ่มแบงก์ที่อาจจะได้รับผลกระทบ ทำให้มีแรงขายกลุ่มแบงก์ออกมาด้วย โดยเฉพาะ SCB ปรับตัวลงมาก

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการตั้งแต่ต้นปี 68 มีข่าวเซอร์ไพรส์จำนวนมากที่ส่วนใหญ่เป็นลบต่อตลาด จากเปิดตลาดด้วยความหวังโดยขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1,399 จุด (2 ม.ค.68) แต่มีข่าว Surprise 1) หุ้น MASTER ขาย big lot  และหุ้น RS ที่ผู้บริหารนำหุ้นไปค้ำประกัน 2) หุ้น CPALL ที่อาจเข้าลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนไม่มั่นใจเทขายออก 3) LTF ที่ครบอายุค้างในระบบ 1.8 แสนล้านบาทรอขาย 4)งบ AOT ในไตรมาส 1/68 ต่ำคาดทำให้มีแรงขายออมาในวันนี้

โดยประกอบกับปัจจัยภายนอก ที่นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีความไม่แน่นอน ตลาดยังกังวลสงครามการค้าอยู่

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า คาดว่าเสี่ยงปรับตัวลง เพราะไร้ปัจจัยหนุน โดยหุ้นที่ยังไม่มีปัจจัยบวกอาทิ กลุ่มน้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มค้าปลีกที่ CPALL ถ่วง กลุ่มแบงก์ ที่น่ากังวลเกี่ยวกับหนี้ของคิงเพาเวอร์ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว กำลังเข้าโลว์ซีซั่น และ AOT วันนี้กดดัน พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด แนวต้าน 1,290 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

AOT มูลค่าการซื้อขาย 8,718.27 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 7.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,265.31 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,847.24 ล้านบาท ปิดที่ 299.00 บาท ลดลง.5.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,289.90 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,898.04 ล้านบาท ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 2.50 บาท