หุ้นเด่นวันนี้

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (16-20 ส.ค.64) Weekly outlook: “ค้นหาฐาน” ต้าน 1540/1550 จุด รับ 1500/1480 จุด (*) FOMC Minutes : 18 ส.ค. จับตารายงาน FOMC Minutes สำหรับการประชุม FED รอบ 27-28 ก.ค. อาจมีมุมมองเกี่ยวกับ Tapering และดอกเบี้ยเพิ่มเติม (*) EU 2Q21 GDP :จะรายงาน 17 ส.ค.นี้ Consensus คาดทรงตัวที่ 13.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (-) Fund Flows : Fund Flows ในเอเชียสัปดาห์ที่ผ่านมา (จ-พฤ) เป็น Net Sell ที่ -4,239 ล้านเหรียญ โดยเป็นแรงขายสุทธิในทุกประเทศ ยกเว้น ฟิลิปปินส์ที่เป็น NetBuy เล็กๆราว 7 ล้านเหรียญ ขณะที่มีโอกาสที่ Fund Flows ในเอเชียและไทยจะผันผวนต่อ หลัง MSCI ประกาศลดน้ำหนักแทบทุกประเทศใน MSCI EM ลง โดยไทยลดลง -0.03% สู่ 1.52% คิดเป็นเม็ดเงิน -112 ล้านเหรียญ ผลราคาปิด 31 ส.ค. (*) TH 2Q21 GDP : จับตาการรายงาน 16 ส.ค.นี้ Nomura คาดเติบโต +6.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานต่ำปีก่อน(1Q21-2.6%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่ารับเศรษฐกิจที่แย่ลง (-) TH Politics : สภาผู้แทนราษฎรเตรียมเปิดประชุม 18-20 ส.ค.นี้ ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีอีกราว 5 คน โดยปัจจุบันกำลังรอสรุปรายละเอียดจากพรรคฝ่ายค้าน อาจทำให้เกิด Noise ทางการเมือง (*) FTSE Rebalance : FTSE จะประกาศวันที่ 20 ส.ค. และมีผลราคาปิดวันที่ 17 ก.ย. โดยเบื้องต้นยังไม่มีคาดการณ์หุ้นเข้า/ออก (*/+) TH 2Q21 Earnings : เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ของบมจ. โดยจาก 113 บริษัทที่มีคาดการณ์จาก Consensus รายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาดราว 11.8% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม PETRO, CONMAT ขณะที่อีก 79 บริษัทที่เหลือ คาดจะรายงานกำไรสุทธิรวม 1.96 หมื่นลบ. +95.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +3%q-q (-) Covid-19: ศบค. ประเมินแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อกับการ Lockdown ออกมาเป็น 3 Scenario 1) กรณีไม่ Lockdown คาดจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง 6-7 หมื่นราย/วันในช่วงปลายเดือนส.ค. - ต้นก.ย 2)กรณี Lockdown มีประสิทธิภาพ 20% คาดจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4.5 หมื่นราย/วัน ในช่วงต้นเดือน - กลางเดือนก.ย. 3)กรณี Lockdown มีประสิทธิภาพ 25% นาน 2 เดือน และเร่งฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุถึงเป้าหมายภายใน 1-2 เดือน คาดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะอยู่ที่ 20,000 รายประเด็นนี้ก่อให้เกิด Downside ต่อกลุ่ม Domestic กลุ่มภาคการผลิตอาหาร ชิ้นส่วน(จากคลัสเตอร์โรงงาน) และความเสี่ยงที่กนง.จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมยิ่งเป็นแรงกกดดันต่อตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์การลงทุน : คาดตลาดเหวี่ยงลงรับ Downside Risk และต้องค้นหาฐานตลาดต่อไป โดยพอร์ตลงทุนระยะยาว มองกรอบ 1500-1520 จุด เป็น zone เพิ่มพอร์ต 5% สู่ 55% และกรอบถัดไป 1490-1460 จุด มองเพิ่มน้ำหนัก 10% สู่ 65% เน้นตั้งรับ กลุ่มที่ Earnings ดีไตรมาส 2-ไตรมาส 3/2564 ได้แก่ โรงไฟฟ้า (GPSC, GULF, BCPG) โรงพยาบาล (BDMS, BH, CHG,EKH) กลุ่มสื่อสารฯ (ADVANC) ส่งออก (ชิ้นส่วนKCE, HANA) ผสาน หุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล(TVO) หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ BEC, BDMS, BH ส่วนสัปดาห์ก่อน GULF, BCPG, GPSC ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -0.69% แย่กว่าดัชนีฯที่ให้ผลตอบแทน 0.43% Investment Theme: August Stock Picks : BCPG, GPSC, TVO, TOP, TIDLOR, KCE, PM 2H21 Stock Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF,CRC, TIDLOR / Mid-small Cap : PM, ICHI, SAPPE