กนกไพลิน วิไลแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ณ เวลา 14:56 น. อยู่ที่ระดับ 4.22 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.48% สูงสุดที่ระดับ 4.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.18 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.06 ล้านบาท ด้าน นางสาวกนกไพลิน วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ORI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/67 จะเติบโตจากไตรมาส 3/67 โดยเฉพาะในแง่ของยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่จะเห็นการเร่งตัวขึ้นจากการส่งมอบ 3 โครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่เข้ามาเสริม ขณะที่การส่งมอบโครงการแนวราบก็ยังคงทำตามแผนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/67 บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,430 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สิรินธร สเตชั่น เป็นคอนโดมิเนียมเจาะตลาด Gen Y-Gen Z แห่งแรกของบริษัทในฝั่งธนบุรี, 2.โครงการ โซ ออริจิ้น พหล 69 สเตชั่น เป็นคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว และใกล้สนามบินดอนเมือง และ 3.โครงการ ไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท-พระราม 4 เป็นคอนโดมิเนียมใกล้ BTS พระโขนง ซึ่งทั้ง 3 โครงการดังกล่าว ล่าสุดมียอดขายรอโอน (Backlog) เฉลี่ยกว่า 80% ของมูลค่าโครงการรวม หรือประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 4/67 จะทยอยรับรู้ Backlog ดังกล่าวได้ประมาณ 70% ขณะที่ล่าสุดบริษัทมี Backlog มูลค่ารวมประมาณ 47,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 71 ซึ่งหลักๆ โครงการคอนโดมิเนียมใหม่จะโอนกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่ในปี 68 อยู่ที่ประมาณ 13,400 ล้านบาท และปี 69 อยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดๆ ไป ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/67 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นของแผนการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ปัจจัยภายนอก ตลอดจนความต้องการของแต่ละทำเล โดยอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการเพิ่มหรือลดตามความเหมาะสมได้เช่นกัน “เราเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของกำลังซื้อ จากยอดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งล่าสุด เมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.-ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ลูกค้ากลับมามีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ ORI มียอดขาย (Presale) สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,088 ล้านบาท” นางสาวกนกไพลิน กล่าว นางสาวกนกไพลิน กล่าวอีกว่า มาตรการของภาครัฐบางส่วนที่กำลังจะหมดลงในช่วงสิ้นปี 67 เช่น การลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง น่าจะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ได้เร็วขึ้น และส่งผลดีต่อภาพรวมทั้งตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี 67 นี้ ส่วนธุรกิจโรงแรมของบริษัทในไตรมาส 4/67 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดการณ์ว่าว่าจะเห็นอัตราการเข้าพัก (OCC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 60% จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนต่อทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 ให้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/67 ที่ผ่านมา