กมธ. ปปช.

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (กมธ. ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ปปช.มีมติให้ดำเนินการตรวจสอบเจ้าพนักงานของรัฐ กรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าอาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ รวมทั้งจะมีการเชิญนายกรัฐมนตรี, รมว.สาธารณสุข, เลขาฯ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.), อัยการสูงสุด, เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมทั้งตัวแทนบริษัทวัคซีน ตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทยอยเข้าให้ข้อมูล โดย กมธ.จะขอเอกสารเกี่ยวกับการประชุม เอกสารสัญญาในการจัดหาวัคซีนของทุกยี่ห้อ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีน เพื่อให้ทุกประเด็นที่สังคมเกิดข้อสงสัยได้ปรากฏต่อสาธารณะ ทั้งนี้ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุด ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมองว่าการบริหารจัดการภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดำเนินการทุกอย่างล่าช้า ซึ่งช่วงแรกมีการจำกัดการใช้วัคซีนเพียงแค่ซิโนแวค และแอสตราเซนเนก้า ขณะที่หลายภาคส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะวัคซีน mRNA เพื่อลดความรุนแรงของโรค รวมถึงยับยั้งการแพร่ระบาดและสร้างความคุ้มกันหมู่ นอกจากนี้ การจัดหาวัคซีนยังมีการปกปิดสัญญา และไม่มีการชี้แจงว่าเหตุใดจึงต้องใช้วัคซีนซิโนแวค แม้ว่าหน่วยงานต่างๆ จะระบุถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คณะกมธ.ปปช. เตรียมเชิญหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า มาให้ข้อมูล หลังออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน เนื่องจากเป็นผู้เปิดประเด็นทักท้วงรัฐบาลกรณีการผูกขาดวัคซีน “ส่วนกรณีที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เตรียมแจ้งความเอาผิดกับนายลอย ชุนพงษ์ทอง และ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กรณีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รับความเสียหาย กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จการจัดซื้อวัคซีนว่า ส่วนตัวเห็นว่ากรณีดังกล่าวองค์การเภสัชกรรมไม่ควรไปดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมาย แต่ควรที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของเอกสารและสัญญาการจัดหาวัคซีนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนและสังคมรับทราบ” นายธีรัจชัย กล่าว ทั้งนี้ หากองค์กรเภสัชกรรมไม่ออกมาเปิดเผย ก็เตรียมที่จะเชิญเลขาธิการองค์การเภสัชกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบรายละเอียด เพื่อสร้างความโปร่งใสและความกระจ่างให้กับประชาชนถึงราคาในการจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อต่างๆ โดยเป็นการตรวจสอบตามกฎหมาย