กลุ่มบีทีเอส

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา งบการเงินของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในกลุ่มบีทีเอส กระท่อนกระแท่นมาโดยตลอด กระทั่ง 3 ปีให้หลังมานี้ถึงขั้นพลิกมาขาดทุนสุทธิเลยทีเดียว..!! นอกเหนือจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องหันมารัดเข็มขัด ทำให้เม็ดเงินโฆษณาหายไปแล้ว ที่มากกว่านั้น เงินลงทุนในหุ้นก็ด้อยค่าลงอีก (พอร์ตลงทุน เดิม VGI ถือหุ้นในบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 269.23 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.45% และถือหุ้นในบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จำนวน 199.16 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 13.66%) เท่านั้นไม่พอ ยังต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการ Consolidate งบของกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมอีกด้วย ซึ่งปี ๆ หนึ่ง VGI ต้องบุ๊กส่วนแบ่งขาดทุนหลายร้อยล้านบาท..!! เลยทำให้งบการเงินของ VGI ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงมากนัก ทำให้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี สวนทางกับแนวโน้มอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ในที่สุด VGI ต้องตัดใจตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วมในงบไตรมาส 3 ปี 2566/2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) จำนวน 2,947 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX... และในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566/2567 (ม.ค.-มี.ค.) หรือเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2567 ได้ขายล้างพอร์ตหุ้น KEX จำนวน 269.23 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.45% ให้กับบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) จากการตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ ที่ราคาหุ้นละ 5.50 บาท ส่งผลให้ VGI ได้เงินเข้ากระเป๋ามาราว 1,481 ล้านบาท แต่ต้องบันทึกขาดทุนจากการขายหุ้น KEX จำนวน 2,363 ล้านบาท ในงบปี 2566/2567 เป็นเหตุให้งบปี 2566/2567 ของ VGI ตรงบรรทัดสุดท้ายมีตัวเลขขาดทุนสุทธิหนัก 3,489 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิแค่ 65 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการให้บริการและการขายทั้งหมด 4,813 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจสื่อโฆษณา 2,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล 1,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่าย 1,163 ล้านบาท ลดลง 23.1% ที่น่าสนใจ จะเห็นว่า 1)ในงบไตรมาส 4 ปี 2566/2567 VGI ไม่ต้องตั้งด้อยค่าเงินลงทุนจากหุ้น KEX แล้ว และ 2)ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX ซึ่งขาดทุนราว 160-180 ล้านบาทต่อไตรมาส อีกต่อไปแล้ว เท่ากับว่า บ่วงกรรม KEX ที่เคยฉุดรั้ง VGI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ถูกตัดทิ้งไปแล้ว..!! น่าจะทำให้ VGI ในปีนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น หลังจากตัดตัวถ่วงไป...ซึ่งต้องมาลุ้นว่าเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจะช่วยหนุน VGI ได้แค่ไหน..?? แต่อย่างน้อย ๆ วันนี้ได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ นักวิเคราะห์หลายสำนักมีมุมมองเชิงบวกต่อ VGI มากขึ้น โดยบล.ทิสโก้ ระบุว่า ภาพในปี 2567/2568 ของ VGI ฟื้นตัว แต่ยังคาดขาดทุน 78 ล้านบาท โดยปีนี้รับรู้ขาดทุนจาก KEX หายไป และ JMART คาดจะรับรู้เป็นกำไร ส่วนบริษัทร่วมอื่น ๆ คาดดีขึ้น ปีนี้จะมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมได้ อีกทั้งคาดจะไม่มีรายการพิเศษที่ปีก่อนบันทึกขาดทุนสุทธิ 2,186 ล้านบาท แต่ TURTLE และ RCash คาดยังขาดทุนต่อเนื่องจากการขยายธุรกิจ ส่วนคำแนะนำ มีทั้งให้ “ถือ” และ “ทยอยซื้อ” ก็ว่ากันไป... ว่าแต่ตัดกรรมเก่าก้อนสุดท้ายไป...จะมีตัวกรรมใหม่งอกขึ้นมาอีกหรือไม่ อันนี้ก็ไม่รู้สินะ... ...อิ อิ อิ...

กลุ่มบีทีเอส

VGI พ้นกรรมก้อนสุดท้าย.!

บริษัท บูรพาทัศน์ (1999) จำกัด