กลุ่มเจนเนอราลี่

ไม่ผิดกับที่คิดกันไว้..!! สุดท้ายแล้วบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK ก็หนีไม่พ้นต้องปรับโครงสร้างทุนใหม่ เพื่อต่อชะตาชีวิตให้คงสถานะเป็นบริษัทประกันต่อไป... เพราะถ้าดูจากงบงวด 9 เดือนแรกปีนี้ โชว์หราตัวเลขขาดทุนสูงถึง 3,845 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 3 ไตรมาสเดียวขาดทุนปาไป 3,662 ล้านบาท สารตั้งต้นที่ทำให้ SMK ขาดทุนมโหฬารอย่างที่เห็น ก็มาจากพิษประกันโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ นั่นแหละ ซึ่งส่งผลให้ในไตรมาส 3 มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโควิดมากถึง 6,002 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4 ก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะสถานการณ์โควิดไม่ได้ดีขึ้นซะทีเดียว ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 2,000–3,000 ราย ที่สำคัญ อย่าลืมนะว่า ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564 SMK ยังมีกรมธรรม์ประกันโควิดที่มีผลบังคับอยู่ราว 2 ล้านกรมธรรม์ โดย 99% ของกรมธรรม์ จะครบกำหนดอายุกรมธรรม์ภายในเดือน เม.ย. 2565 โดยคาดการณ์สินไหมโควิดในอนาคตประมาณ 82,000–83,000 ล้านบาท จากสถานการณ์ดังกล่าว สุดท้ายแล้ว SMK ไม่มีทางเลือก...จำเป็นต้องขยายฐานทุนให้ใหญ่ขึ้น ล่าสุดก็แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 266 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 66 ล้านหุ้น จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ที่ราคาหุ้นละ 21.52 บาท รวมเป็นเงินราว 1,420 ล้านบาท จุดที่น่าสนใจ ถ้า SMK เลือกเพิ่มทุนแบบ RO ขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมอาจจะยาก เพราะจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่คงไม่มีผู้ถือหุ้นคนไหนใส่เงินให้ นอกจากผู้ถือหุ้นใหญ่ที่คงเลี่ยงไม่ได้... แต่งานนี้ชัดเจนว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่คงไม่อยากเติมเงินเข้าไปเพิ่ม หนทางหนึ่งที่ทำได้ ก็เลยใช้วิธีเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง ดึงกลุ่มทุนใหม่เข้ามาแทน...โดยมีเงื่อนไขต้องเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์..!! ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอของนักลงทุนที่สนใจ... ว่าแต่กลุ่มทุนใหม่จะเป็นใครกันนะ..? ชักอยากรู้แล้วสิ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีข่าวกอสซิปมาก่อนหน้านี้ว่า “กลุ่มดุษฎีสุรพจน์” ผู้ถือหุ้นใหญ่ SMK จะขายหุ้นออกมา โดยมี 2 กลุ่มบริษัทประกันภัยระดับโลกที่สนใจซื้อ ทั้งกลุ่มเจนเนอราลี่ (Assicurazioni Generali SpA) ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับโลกจากอิตาลี และบริษัท ลิเบอร์ตี้ มิวชวล อินชัวรันส์ กรุ๊ป (Liberty Mutual Group) เอ๊ะ..!! หรือกลุ่มทุนใหม่ที่จะมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะเป็นหนึ่งในสองรายนี้หรือเปล่าน้อ..? เพราะถ้าไปดูมติบอร์ดมีอีกเรื่องที่น่าสนใจ นั่นคือ การพิจารณาอนุมัติแก้ไขข้อ 5 ของข้อบังคับของบริษัทฯ จากเดิมที่ให้คนต่างด้าวถือหุ้นอยู่ในบริษัทเป็นจำนวนถึง 15% เปลี่ยนเป็นคนต่างด้าวถือหุ้นอยู่ในบริษัทเกินกว่า 25% ได้ เท่ากับเป็นการเปิดทางให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นใหญ่ SMK ได้น่ะสิ... ก็สอดคล้องกับข้อมูลที่ SMK ระบุว่า หลังจากเพิ่มทุนแล้วเสร็จ กลุ่มทุนใหม่จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 24.8%...ก็น่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 แทน “กลุ่มดุษฎีสุรพจน์” ที่สัดส่วนการถือหุ้นจะถูก Dilute ลงไป... เอาเป็นว่า กลุ่มทุนใหม่เป็นใครนั้น ตอนนี้ยังไม่รู้...แต่ที่รู้ คือ SMK จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... บทสรุปของเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสนามธุรกิจนานแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ความเสียหายที่ตามมาอาจประเมินค่าไม่ได้ อย่าง SMK แม้จะเก๋าเกมในธุรกิจประกันมายาวนานกว่า 70 ปี แต่ก็พลาดท่า โดนโควิดเล่นงานจนไปไม่เป็น เสียหายทั้งในแง่ธุรกิจ ราคาหุ้น และความเป็นเจ้าของอย่างที่เห็น... ถือเป็นบทเรียนราคาแพงระยับที่ SMK ต้องจ่ายจริง ๆ..!! ...อิ อิ อิ...