กลุ่ม UJV

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS มีมุมมองเชิงบวกต่อการยุติสัญญาของกลุ่ม UJV กับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยมองว่าความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ได้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้นเรียบร้อยแล้ว โดย TOP มีแผนหาผู้รับเหมา EPC รายใหม่ คาดว่ากระบวนการประกวดราคาจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2568 จากนั้นจะประเมินกรอบเวลาใหม่สำหรับการเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2571 ทั้งนี้ มีการปรับเพิ่มงบประมาณโครงการอีก 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่า อาจได้เห็นการ COD เร็วกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาจน้อยกว่าที่ประเมิน โดยหลังการยุติสัญญา TOP คาดว่าจะสามารถเรียกคืนเงินประกันงวดสุดท้ายได้อีก 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินบาทราคา 33.67 บาทต่อดอลลาร์ ราวประมาณ 4,107 ล้านบาท) หลังจากที่ได้เรียกคืนเงินประกันงวดแรกไปแล้ว 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินบาทราคา 33.67 บาท ราวประมาณ 12,052.786 ล้านบาท) ในไตรมาส 1 ปี 2568 อย่างไรก็ตาม กลุ่ม UJV ได้เริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับ TOP เพื่อโต้แย้งการเรียกคืนเงินประกันงวดแรก และคาดว่าจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันสำหรับงวดสุดท้าย โดย Saipem ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก UJV ได้เสนอแผนงานใหม่ให้กับ TOP และยังคงเปิดกว้างสำหรับการกลับมาร่วมงานกันในโครงการ ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยย้ำมุมมองเชิงบวกต่อ TOP พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 43.20 บาทต่อหุ้น อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP เปิดเผยว่าผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อ เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของ Samsung E&A ต่อตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับ การชำระเงินเนื่องจากการที่ “ไทยออยล์” ในฐานะเจ้าของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ได้มีการบังคับหลักประกันสำหรับโครงการนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้บังคับหลักประกันภายใต้สัญญาจ้างเหมาทำของการออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และ การก่อสร้าง (EPC Contract) ระหว่างบริษัทฯ และ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ an unincorporated joint venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) ตามสัญญาฯ และเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 12,339 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อผลักดันโครงการให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด