กลุ่มBank

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (4 ก.ค.66) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยข้อมูล "หนี้ครัวเรือน" ภายใต้ข้อมูลชุดใหม่ที่รวมทั้งสินเชื่อที่อยู่ภายใต้กำกับ ธปท. และไม่ได้อยู่กายใต้กำกับ เช่น สินเชื่อ รถยนต์ สินเชื่อสหกรณ์ และสินเชื่อเพื่อการศึกษา ซึ่งส่งผลให้ หนี้ครัวเรือน ไตรมาสแรกปี 2566 เพิ่มจาก 86.3% เป็น 90.6% หรือ 16 ล้านล้านบาท ทำให้ ธปท. เตรียมออกมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกหนี้ โดยแหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน เผยว่า รปท. เตรียมสั่งแบงก์ เจ้าหนี้ ต้องปิดจบหนี้ของลูกหนี้ให้ได้ภายใน 4 ปี หากไม่สามารถปิดหนี้ได้หมดภายในปีที่ 4 บังคับแบงก์ต้องลดดอกเบี้ยช่วยลูกหนี้ 8-12% แต่หากเคลียร์หนี้ไม่ได้ ลูกหนี้เสี่ยง "ติดแบล็กลิสต์" โดยมีมุมมองเป็นลบหากมีการบังคับให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง สำหรับกลุ่มธนาคารจะกระทบโดยตรงโดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะได้รับผลกระทบเรียงจากมากไปน้อย อิงสัดส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล คือ KTB (23% ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของราชการ ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าบุคคลธรรมดา), BAY (11%), KBANK (9%), SCB (6%) และ TTB (4%) อย่างไรก็ดีคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะกระทบต่อกำไรสุทธิในกลุ่มไม่ ทั้งนี้กลุ่ม Bank ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนเป็น "มากกว่าตลาด" เลือก BBL แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 195.00 บาท และ KTB แนะนำซื้อราคาเป้า 21.00 บาท เป็น Top pick สำหรับกลุ่มไฟแนนช์ (Finance) มองกระทบต่อ 1) รายได้ดอกเบี้ยที่จะลดลงโดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ส่วนใหญ่จะจ่ายชำระขั้นต่ำ และ 2) ประเมินว่า loan growth มีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่าคาด จากแนวโน้มที่บริษัทจะเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเรียงผลกระทบจากมากไปน้อย ได้แก่ AEONTS แนะนำถือราคาเป้า 210.00 บาท และ KTC แนะนำซื้อราคาเป้า 68.00 บาท คิดเป็น Downside กำไรสุทธิปี 67 ลดลงที่ 2% และปี 66 ลดลง 1% ตามลำดับ ต่อสินเชื่อจ่ายชำระขั้นต่ำที่จะเข้าร่วมโครงการทุกๆ1% ขณะที่ด้าน Moral Hazard ประเมินโอกาสเกิดต่ำ เนื่องจากลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการนี้ (ไม่สามารถปิดจบหนี้ได้ภายใน 4 ปี) จะถูกติด Flag บนฐานข้อมูลเครดิตบูโร และทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ในช่วง 5 ปี จนกว่าที่จะเคลียร์หนี้จบ ทั้งนี้กลุ่ม Finance ยังคงน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด" และ Top pick เป็น TIDLOR แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 33.00 บาท