กองทุนรีท โครงสร้างพื้นฐาน

เวลาตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน หรือเป็นไซด์เวย์ดาวน์เช่นเดียวกับขณะนี้ เรามักจะเห็นคำแนะนำว่าเป็นโอกาสของการเก็บกลุ่มหุ้นปันผลน่าสนใจ กลุ่มปันผล มีทั้ง กองทุนรีท โครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสม่ำเสมอ (SET HD) ล่าสุด บล.กรุงศรี ประเมินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 1.25% ปีนี้ และ 1.0% ปีหน้า ส่วนประเทศไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยปีหน้าไม่เกิน 0.5% นั่นจึงเป็นโอกาสที่จะลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เนื่องจากมูลค่า (valuation) น่าสนใจ และเป็นโอกาสในการรับเงินปันผลระหว่างกาล จึงแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน (Overweight) หุ้น REIT จากเหตุผล 1.ราคา REIT ลดลง 6.2% จากต้นปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยเพิ่มเป็น 10% และส่วนต่างเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยสูงถึง 7.4% 2.โอกาสในการล็อกเงินปันผล เนื่องจากเป็นฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงาน และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จึงแนะนำให้ซื้อ REITS ภายใต้ 5 ธีม 1) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลขั้นต้นที่สูง 2) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลขั้นต้นที่สูงและมูลค่าตลาดที่สูง (มากกว่า 5 พันล้านบาท) 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่แท้จริงที่สูง (มากกว่า 5%) และมูลค่าตลาดที่สูง (มากกว่า 5 พันล้านบาท) 4) อัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Price-Net Asset Value: P/NAV) ต่ำ และ 5) P/NAV ต่ำและมูลค่าตลาด มากกว่า 5 พันล้านบาท หุ้นเด่นที่แนะนำเข้าข่ายอย่างน้อย 2 ใน 5 ธีมข้างต้น ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท หรือ AIMCG, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ AIMIRT, และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง ออฟฟิศ หรือ B-WORK, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNREIT, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ EGATIF, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค หรือ FUTUREPF, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล หรือ LHHOTEL, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ MJLF, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล หรือ WHAIR และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้แนะนำเช่นกัน โดยมองว่าหุ้นไทยหลายตัวให้เงินปันผลที่ดีสำหรับรอบครึ่งปีแรกปี 2567รวมทั้งกอง REIT, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง จะส่งผลให้หุ้น Yield Play ปรับตัวได้ดีกว่าตลาด และยังได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองรีทที่มีความน่าสนใจในด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเป็น 5 อันดับแรก เริ่มจาก 1.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ QHPF ที่ลงทุน leasehold ในโครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี โครงการเวฟ เพลส และโครงการคิวเฮ้าส์ เพลินจิต ซึ่งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 17.02% 2.กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง ออฟฟิศ หรือ B-WORK ลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่เกี่ยวข้องของโครงการทรู ทาวเวอร์ 1 และทรู ทาวเวอร์ 2 ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 15.82% 3.กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ หรือ GVREIT ที่จะลงทุนในสิทธิการเช่าพื้นที่บางส่วนในอาคาร ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ และสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคาร สาทร สแควร์ โดยให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 15.25% 4.กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท หรือ SPRIME โดยจะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและโครงการซันทาวเวอร์ส รวมไปถึงสิทธิการเช่าพื้นที่ค้าปลีกและสิทธิการเช่าพื้นที่ส่วนกลางส่วนที่เหลือจากการลงทุนของกองทรัสต์ในทรัพย์สินของโครงการซันทาวเวอร์สครั้งก่อน ซึ่งผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 15.05% และ 5.กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY ที่จะลงทุนในกรรมสิทธิและสิทธิการเช่า รวมไปถึงสิทธิการเช่าช่วงใน 14 โครงการสำหรับการให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 14.54% ธนะชัย ณ นคร