กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง

วานนี้มีกระแสข่าวว่า เงินกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง 1.5 แสนล้านบาท มีการใช้ลงทุน จนหมดหน้าตัก ล่าสุด มีคำยืนยัน จากทั้งปลัดกระทรวงการคลัง “ลวรณ แสงสนิท” และ ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ทั้งสองคนต่างย้ำว่า “เงินยังเหลือ” และพร้อมเข้าลงทุนเพิ่มในช่วงดัชนีหลุด 1,400 จุด ก่อนหน้านี้ เคยเขียนให้ข้อมูลไปแล้วว่า เงินของวายุภักษ์ฯ ก่อนจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย จะมีการ “พักเงิน” ไว้ในตลาดพันธบัตร หรือบอนด์ หากผู้จัดการกองทุนมองว่า หุ้นที่อยู่ในเป้าหมาย ราคาได้ปรับลดลงมาจนน่าสนใจ จะมีการการขายบอนด์ออก เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นนั้น ๆ เข้าพอร์ต โดยรูปแบบการเข้าซื้อ จะไม่ได้ “ไล่ราคาหุ้น” ทว่าจะออกมาเป็น “เชิงรับ” มากกว่า ส่วนช่วงเวลาการเข้าซื้อหุ้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพราะจากเดิมที่จะใช้เงินลงทุนก่อนสิ้นปี 2567 แต่ล่าสุด จะมีเงินลงทุนเข้าไปลงทุนในช่วงต้นปี 2568 มีข่าวด้วยว่า การปันผลครั้งแรกของกองทุนวายุภักษ์ฯ ที่จัดตั้งล่าสุด ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม คือในช่วงหลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปี 2568 กำหนดขั้นต่ำ 3% และสูงสุดไม่เกิน 9% ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2567 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ อยู่ที่ 150,971,311,475.41 บาท หรือพูดแบบเข้าใจง่าย ๆ มีกำไรอยู่ประมาณ 971 ล้านบาท นับจากเปิดกองทุน ส่วนราคาขายหน่วย อยู่ที่ 10.0648 บาท ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีพยายามผ่านแนวต้าน 1,400 จุด แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ลงมาปิด 1,398.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,817 ล้านบาท ต่างชาติ และกองทุนยังคงขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนที่เทขายหุ้น CPALL CPAXT ออกมา และเข้าใจว่า วานนี้ น่าจะสะเด็ดน้ำแล้วล่ะ เพราะเริ่มเห็นการซื้อกลับทั้งสองหุ้นดังกล่าว ส่วนวันนี้ ปัจจัยที่น่าจะพอรับทราบแล้วคือ ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด หากเป็นไปตามที่คาดกันว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงมา 0.25% หรือหาก 0.50% ตรงนี้ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ และน่าจะหนุนดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้ จากการกลับเข้ามาซื้อของต่างชาติ อีกปัจจัยที่น่าจะหนุนหุ้นได้บ้าง คือการเข้าไปเก็งกำไรหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศวานนี้ หุ้นเข้าคือ BANPU CCET SAWAD และ COM7 ธนะชัย ณ นคร