การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ได้ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้ (7 พ.ย.67) ณ เวลา 10:14 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 159.00 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 2.25% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,020.41 ล้านบาท โดยราคาหุ้นทำจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดต่อเนื่องจากวานนี้(6 พ.ย.67) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 155.50 บาท และทำจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องยังหนุนให้ DELTA เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย และทิ้งห่างบริษัทอันดับ 2 และอันดับ 3 อย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นอกจากนี้งมูลค่ามาร์เก็ตแคปมากขึ้นเร็วและแรงมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ทั้งนี้จากประเด็นดังกล่าววานนี้ นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีหุ้น DELTA เป็นประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังวิเคราะห์กันอยู่ เพราะก็จะมี Fundamental Issues ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบแล้ว และหวังว่าจะผลักดันกลุ่มบริษัทใหม่ ๆ ที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ขึ้นมาทดแทนได้บ้าง โดยในปี 2568 หากกลุ่ม GULF กับ INTUCH ควบรวมสำเร็จ ซึ่งตอนนี้อยู่ในการขั้นตอนการพิจารณา คงจะเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท ด้านนายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ ในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเสริมว่า ราคาหุ้นของ DELTA ที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างหวือหวานั้น ซึ่งหากไปดูบทวิเคราะห์ มีการประเมินว่า DELTA จะได้รับประโยชน์หรืออานิสงส์จากการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางเรื่อง Data Center ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานหนึ่งที่มารองรับราคาหุ้น DELTA อย่างไรก็ตามตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะต้องดูปัจจัยพื้นฐานในส่วนอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ประเด็นของปริมาณการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำไปหรือไม่ เป็นต้น “บทบาทตลาดหลักทรัพย์ฯ คือกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมและเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามจะทำมากที่สุดคือการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปแทรกแซงการซื้อขาย เว้นแต่มีเหตุตามพันธกิจ ที่ต้องดูแลการซื้อขายให้เป็นธรรมและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายรองรักษ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมาตรการเพื่อกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุน มากกว่า 10 มาตรการ ซึ่งถือว่ามีการออกมาตรการคุมเข้มมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ มา 50 ปี อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ (บอร์ด ตลท.) ได้ให้มีการทบทวนมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ออกไปแล้วในปีนี้ด้วยว่าแต่ละมาตรการมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ฝ่ายจัดการกำลังอยู่ระหว่างพิจารณากันอยู่ ซึ่งถ้าดูแล้วมีผลกระทบต่อเซนติเมนต์ตลาดหุ้นไทย ก็คงต้องทบทวน ซึ่งต้องประกอบด้วยการพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งนี้รายละเอียดอยู่ในแผนกลยุทธ์ที่จะแถลงใหญ่วันที่ 28 พ.ย. 2567 “โดยถ้าสมมุติทบทวนแล้วต้องแก้เกณฑ์ ก็จะต้องนำไปรับฟังความคิดเห็นใหม่ก่อน และเสนอต่อบอร์ด ตลท.ต่อไป” นายรองรักษ์ กล่าว